ยันส.ส.อนค.ไม่ทรยศปชช. ชี้อย่าตั้งธงลดเสียงฝ่ายปชต.
การเมือง
นายปิยบุตร กล่าวว่า เรื่องเหมือนเข้าใจง่ายแต่ความซับซ้อนอยู่ที่ มาตรา 128 (5) ระบุว่าหากมีพรรคการเมืองใดที่ชนะส.ส.แบบแบ่งเขต ที่มากกว่าจำนวนส.ส.พึงมี พรรคนั้นจะไม่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งคือพรรคเพื่อไทย ที่มีจำนวนส.ส.พึงมีจำนวน 111 คน แต่ชนะส.ส.เขตไปแล้ว 137 เขต จากนั้นจึงต้องมามาดู (7) กำหนดว่า หากพรรคการเมืองทุกพรรคได้รับส.ส.บัญชีรายชื่อทุกพรรคเกิน 150 คน ให้คำนวณปรับบัญชีรายชื่อใหม่ ตามสัดส่วนที่ทุกพรรคพึงจะได้รับส.ส.บัญชีรายชื่อ ซึ่งเมื่อรวมแล้วไม่เกิน 150 คน โดยนำจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค คูณ 150 และหารด้วยผลบวกของส.ส.บัญชีรายชื่อที่เกินมา แล้วให้นำ (4) มาช่วยคำนวณด้วยโดยอนุโลม ซึ่ง (4) ระบุว่า ให้จัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อให้ครบ 150 คน โดยให้จัดสรรตาม (3) เป็นจำนวนเต็มก่อนหากยังมีส.ส.บัญชีรายชื่อไม่ถึง 150
"ดังนั้น พรรคการเมืองไหนมีจำนวนส.ส.พึงมี ไม่ถึง 1 ให้ตัดทิ้ง ซึ่งพรรคพรรคสุดท้ายที่ได้เกิน 1 คือพรรคพลังชาติไทย ที่คิดแล้วได้ส.ส.พึงมี 1.0395 ดังนั้นพรรคลำดับที่ 17 เป็นต้นไป ให้ตัดออกจากการคิดทันที ตามบทบัญญัติ พรรคอนาคตใหม่จะได้ส.ส.บัญชีรายชื่อ 58.17 แต่เทียบสัดส่วนแล้วจะลดส.ส.บัญชีรายชื่อเหลือ 57.23 คน พรรคที่ได้ลูกหลงอีกพรรคคือ พรรคเสรีรวมไทยที่ได้ส.ส.บัญชีรายชื่อลดลง1 เมื่อคิดเป็นจำนวนเต็ม อนาคตใหม่จะเหลือส.ส.บัญชี 57 ที่นั่ง" นายปิยบุตรกล่าว
นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า แม้จะซับซ้อน แต่ตนอยากชี้ชวนให้ดูที่มาตรา 128 (7) กับ (4) โดยต้องจับให้มั่น เพราะ (4) กำหนดให้ ตัดพรรคที่ไม่ได้ถึง 1 ออกไปให้หมด จึงไปจบที่พรรคพลังชาติไทย แล้วจึงนำมาคิดตาม (7) ส.ส.อนาคตใหม่จึงลดทอนตามลำดับลงไป นี่คือการคำนวณตามกฎหมาย ต่อไม่ให้คิดแบบนี้ ลองคิดเอาแค่ความยุติธรรมจากตัวเลข ส.ส. 1 คน คือ 71,065 คะแนน อย่างพรรคอนาคตใหม่ จ.แพร่ เขต 1 ได้ 7 หมื่นกว่าคะแนน คนชนะส.ส.เขต จะชนะ ต้องมี 3-4 หมื่นกว่าคะแนน หากนำพรรคเล็กที่ได้คะแนนทั้งประเทศ 3-4 หมื่นคะแนน มาคิดส.ส.บัญชี จะมีพรรคเล็กเต็มไปหมดที่ได้ ส.ส. โดยมีคะแนนเพียง 3 หมื่นกว่า นี่คือเรื่องง่ายที่สุด
"หรืออาจมองว่า จำนวนส.ส.พรรคที่พึงมีต่อ 1 คน ต้องได้ 7 หมื่นกว่าคะแนน แต่พรรคเล็กได้เพียง 3 หมื่นกลับได้ส.ส. 1 คน ซึ่งห่างกันมากถึง 4 หมื่นแต่ได้ส.ส. การคิดคะแนนแบบแบ่งส.ส.ให้พรรคเล็กอย่างละ 1 นั้นไม่เป็นธรรมอย่างมาก ทั้งหมดที่กล่าวไปคือการคำนวณตามที่ม.128 กำหนด ขอยืนยันอีกครั้งว่า ไม่มีการคำนวนแบบอื่น นี่ไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นคณิตศาสตร์ซึ่งมีสูตรเดียวเท่านั้นตามมาตรา 128 ไม่มีความเห็นที่แตกต่าง ยืนยันว่า อนาคตใหม่จะได้ส.ส. 87 ที่นั่ง แบ่งเป็นแบบแบ่งเขต 30 ที่นั่ง และแบบบัญชี 57 ที่นั่ง ตามที่ม.128 กำหนด" นายปิยบุตรกล่าว
เมื่อถามว่า สูตรคำนวนส.ส. จะมีผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล จนทำให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบหรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อคำนวณตาม 128 กำหนด ส่งผลให้ พรรคผนึกกำลังต้านคสช.ที่นั่งหาย สังคมก็ยิ่งคลางแคลงใจไปใหญ่ เดิมมีตัวเลขรวมกันที่ 255 ส.ส. เมื่อไปคิดแบบให้พรรคเล็กเยอะ ตัวเลขนี้ก็จะหายไป ตนยืนยันว่า ต้องกลับมายืนยันที่กฎหมายมาตรา 128 ที่เขียนอย่างไรก็เป็นอย่างนั้น ไม่ใช่คิดจากในหัวที่มีมีธงอยู่ว่า จะลด 255 เสียงอย่างไร แล้วจึงไปหาสูตรมาคิด เข้าใจว่าทางกกต.ยังไม่เคยพูดว่าจะคิดกันแบบไหน ที่ปรากฎตามหน้าสื่อคือการคำนวณเอง เข้าใจว่า กกต.ยังไม่ได้คำนวณ เพราะยังมีเรื่องร้องเรียนอยู่ ซึ่งอาจมีการแจกใบเหลือง ใบส้ม ใบแดง จึงคาดว่า กกต.จะคิดคำนวณส.ส.ได้หลังวันที่ 9 พ.ค.ที่ต้องประกาศผลการเลือกตั้งเป็นต้นไป
"ผมว่าถูกแล้วที่กกต.ยังไม่บอก เพราะการนับคะแนนยังไม่จบ แต่สิ่งหนึ่งที่กกต.ต้องยืนยันคือ การคิดแบบมาตรา 128 กกต.ต้องยืนให้มั่น เข้าใจว่า กกต.ยังไม่ยืนยันสูตร เพราะว่ายังมีเรื่องใบเหลือง ใบแดงอยู่ และถ้าเป็นไปได้ อยากให้กกต.เกาะเลข มาตรา 128 ไว้" เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าว
นายปิยบุตร ยังกล่าวถึงการลงสัตยาบัน 5 ข้อ ของว่าที่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า การสัมนาเมื่อวันที่ 30 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่จ.ชลบุรีนั้น เป็นการซักซ้อมเข้าสู่สภาของว่าที่ส.ส. และเฉลิมฉลองชัยชนะ 6.2 ล้านเสียงของพรรคอนาคตใหม่ ที่ทุกคนทำหน้าที่อย่างเต็มที่ และว่าที่ส.ส.อนาคตใหม่ทั้ง 88 คน ได้ร่วมกันลงนามสัตยาบัน 5 ข้อ ซึ่งเนื้อหาเป็นไปตามสิ่งที่เขียนไว้อยู่ในนโยบายของพรรคอนาคตใหม่ ที่ใช้รณรงค์หาเสียง จนได้รับ 6.2 ล้านเสียงจากประชาชน คิดเป็น 88 ที่นั่งส.ส. ซึ่งประชาชนได้มอบอาณัติให้เราไปจัดการตามนโยบาย ซึ่งว่าที่ส.ส.ทุกคนต้องยึดหลักการนี้ ไม่ทรยศกับประชาชนที่ไว้วางใจเรา สัตยาบันที่ลงนามนั้นมีทั้งหมด 3 ชุดเก็บไว้ที่สำนักงานพรรค และฉบับที่เหลือมอบให้ว่าที่ส.ส.แต่ละคนเก็บไว้ ซึ่งการลงนามเป็นไปตามตัวลำดับตัวอักษร ไม่มีการระบุคำนำหน้านาม เพศ ยศ เพื่อแสดงถึงความเท่าเทียมกัน
"สัตยาบันนี้ไม่ได้มีผลทางกฎหมาย แต่เป็นสัญลักษณ์ของการทำงานการเมืองแบบใหม่ ส.ส.จะต้องยึดอุดมการณ์ของพรรค ดำเนินการนโยบายของพรรค เชื่อว่าว่าที่ส.ส.อนาคตใหม่ที่เข้ามานั้นร้อยรัดกันด้วยอุดมการณ์และความหวัง จะไม่ทรยศต่อพี่น้องประชาชน หากมีใครคนใด กลุ่มการเมือง หรือพรรคการเมืองใด ที่พยายามจะพยายามติดต่อเทียบเชิญว่าที่ส.ส. โดยหยิบยื่นผลประโยชน์จูงใจ เพื่อจะให้งูเห่าเกิดขึ้น ว่าที่ส.ส.ของเราจะไม่มีทางยอม และจะบันทึกคนที่มาติดต่อไว้เป็นหลักฐาน พร้อมพิจารณาว่า เข้าข่าย ทำผิดตามพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ม.46 ที่กำหนดว่า คนเสนอให้ หรือเรียกรับ มีโทษจำคุก 10-20 ปี และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งหรือไม่ต่อไป" นายปิยบุตรกล่าว.