พท.จี้กกต.เปิดคะแนน-แจงบัตรลต.-วิธีคำนวณส.ส.
การเมือง
นายนพดล กล่าวอีกว่า 2.จากการที่กกต.แถลงเมื่อวันที่ 24 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งจำนวน 33,775,230 คน (65.96% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) แต่ 4 วันต่อมากกต.กลับแถลงว่ามีจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งเท่ากับ 38,268,375 คน (74.69% ของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) จึงมีคำถามว่าทำไมจำนวนผู้มาใช้สิทธิจึงแตกต่างและมีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมากถึง 4,493,145 คน ทั้งนี้ ทราบรายงานข่าวว่า กกต.ชี้แจงว่าบัตรเลือกตั้งที่เพิ่มขึ้นมาถึงกว่า 4 ล้านใบนั้นเป็นเพราะจำนวนผู้มาใช้สิทธิที่แถลงไปในวันเลือกตั้งยังไม่ครบ และยังไม่ได้รวมจำนวนบัตรเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตราว 2.3 ล้านใบ และบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรราว 100,000 ใบนั้น พรรคเพื่อไทยเห็นว่า การเปิดเผยตัวเลขผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งควรสามารถกระทำได้ภายใน 2-3 ชั่วโมงหลังปิดหีบเลือกตั้ง ไม่ควรปล่อยเวลาให้ผ่านไปถึง 4 วัน ภายหลังจากที่มีการเรียกร้องจากหลายฝ่ายจึงค่อยเปิดเผยเช่นนี้ ทำให้ประชาชนเคลือบแคลงและตั้งคำถามว่า กระบวนการจัดการและการนับคะแนนเลือกตั้งมีความโปร่งใสหรือไม่ ถ้าไม่มีคำอธิบายที่รับฟังได้ จะเป็นการยากที่ประชาชนจะยอมรับว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เสรีและเป็นธรรม และจะเป็นทางออกให้กับประเทศ
นายนพดล กล่าวด้วยว่า 3.มีกระแสข่าวว่าอาจมีการคำนวณคะแนนและจัดสรรที่นั่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้แก่พรรคขนาดเล็กจำนวนมาก ซึ่งอาจส่งผลถึงการรวบรวมเสียงเพื่อจัดตั้งรัฐบาลนั้น พรรคขอเรียกร้องให้กกต.ชี้แจงข้อเท็จจริงในประเด็นนี้ว่าเป็นไปตามข่าวหรือไม่ การคำนวณที่นั่งส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อให้แต่ละพรรคการเมืองมีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนแน่นอน มิอาจกระทำได้ตามอำเภอใจ โดยต้องกระทำตามบทบัญญัติมาตรา 91 แห่งรัฐธรรมนูญ และมาตรา 128 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้น พรรคขอเรียกร้องให้กกต.เปิดเผยแนวทางและวิธีการคำนวณส.ส. ระบบบัญชีรายชื่อที่ถูกต้องให้แก่สาธารณชนทราบ มิใช่ปล่อยให้คลุมเครือและมีการตีความบทบัญญัติแห่งกฎหมายเพื่อวัตถุประสงค์ทางการเมืองของตนเอง
ด้านนายโภคิน พลกุล คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงสูตรการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อว่า ต้องยึดตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 (4) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 128 (5) โดยต้องเป็นพรรคการเมืองที่มีส.ส.พึงมี 1 คนขึ้นไปเท่านั้น ดังนั้น หากคำนวณตามตัวเลขบัตรดีทั้งหมดจำนวน 35,532,647 เสียง หารด้วยจำนวนส.ส.500 คน จะได้คะแนนเสียงพึงมีของส.ส.1 คนที่ 71,065.3 เสียง ซึ่งจะมีเพียง 16 พรรคเท่านั้นที่มีคะแนนเสียงเกินเกณฑ์ส.ส.พึงมี และได้รับการจัดสรร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ส่งผลให้พรรคอนาคตใหม่และพรรคชาติไทยพัฒนามีจำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อลดลงพรรคละ 1 คน ส่วนพรรคเล็กที่มีคะแนนไม่ถึงจำนวนส.ส.พึงมีจะไม่มีสิทธิได้ส.ส.บัญชีรายชื่อเลย จะนำคะแนนไปแจกพรรคเล็กที่คะแนนเสียงไม่ถึงเกณฑ์ดังกล่าวไม่ได้
ขณะที่นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า หลังจากนี้เราจะรอดูกกต.ว่า สุดท้ายแล้วจะคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้หรือไม่ หากพิจารณากันตามอำเภอใจ ไม่ตรงตามกฎหมาย พรรคจะหารือกันอีกครั้งว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป.