'บิ๊กแดง'ซัดพวกซ้ายจัด'ดัดจริต' คิดเปลี่ยนการปกครอง
การเมือง
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯทรงมีพระราชดำรัสเน้นย้ำอยู่เสมอว่าทหารจะต้องอยู่เคียงข้างประชาชนอย่างแท้จริง และผมก็ให้คำมั่นว่าทหารยุคนี้จะอยู่เคียงข้างกับประชาชนอย่างแท้จริง โดยจะวางตัวอยู่ในบทบาทของทหารในการปกป้องประเทศ อธิปไตย และช่วยเหลือประชาชนทุกเรื่อง ซึ่งต้องทำอย่างจริงจัง ถ้าใครเป็นผู้บังคับหน่วยและไม่ดำเนินการช่วยเหลือประชาชน ไม่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชาในระหว่างที่ผมอยู่ ผมขอบอกเลยว่าไม่มีใครที่จะอยู่ในตำแหน่งนั้นได้ ผมพูดเสมอและให้โอวาทผู้บังคับหน่วยทุกคนว่าตำแหน่งผู้นำของหน่วยทหารไม่ใช่เป็นตำแหน่งที่มีข้อยกเว้นว่าจะต้องทำงานน้อยกว่าคนอื่น ต้องทำงานมากกว่าคนอื่น อย่านำมาเป็นข้ออ้าง ขอให้มั่นใจทหารยุคนนี้จะดูแลปกครองผู้ใต้บังคับบัญชาเป็นอย่างดี” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า เรื่องการเมืองต่างๆที่เกิดขึ้นมีการบิดเบือนหลายประการ กองทัพยอมรับว่ามีจุดอ่อนในการใช้โซเชียลซึ่งเป็นสื่อที่ทรงอานุภาพมากกว่าอาวุธที่กองทัพมีอยู่ การไม่ยอมรับกติกาในปัจจุบันที่เรามีกติกากันอยู่ โดยมีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหน้าที่ เหมือนกับการแข่งขันฟุตบอลที่ฟุตบอลแพ้แต่คนเชียร์ไม่ยอมแพ้ ถ้าประเทศไทยไม่ยอมรับกติกาที่มีอยู่ แบ่งแยกระหว่างฝ่ายประชาธิปไตยกับฝ่ายเผด็จการ ซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมที่ถูกสร้างขึ้นมา ตนถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่
“วาทกรรมนี้ถูกแบ่งขึ้นมาเพื่ออะไร เพื่อแบ่งแยกประชาชนที่ใช้สิทธิเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองใดก็ตามได้คะแนนเสียง 8 ล้าน 7 ล้าน 4 ล้าน 5 ล้าน นำมารวมกันเป็น 20-30 กว่าล้านเสียง นั้นหมายความว่าเราต้องการให้เกิดสงครามกลางเมืองเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วหรืออย่างไร ณ วันนี้ยังคิดถึงการแบ่งฝ่ายแบ่งแยกอยู่หรืออย่างไร ทำไมจึงไม่เคารพกติกา แล้วไปสู้กันในสภาฯ ซึ่งในชีวิตของผมผ่านและเห็นการปฏิวัติรัฐประหาร รวมถึงการเปลี่ยนแปลงการปกครองแม้กระทั่งการทำสัตยาบรรณตั้งแต่สมัยพ.ศ. 2534 ที่มีอดีตนักการเมืองหลายคนที่ปัจจุบันเสียชีวิตไปแล้ว ร่วมลงสัตยาบรรณ อาทิ นายมนตรี พงษ์พานิช อดีตหัวหน้าพรรคกิจสังคม และนายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตหัวหน้าพรรคชาติไทย ที่มีการลงสัตยาบรรณตั้งรัฐบาลโดยท้ายที่สุดก็มีการฉีกสัตยาบรรณทิ้ง นี่คือวาทะการเมืองและเกมการเมือง ที่เป็นกิจกรรมทางการเมืองที่ถูกชี้นำโดยนักการเมืองแบบเดิมๆ หรือพวกซ้ายตกขอบ ผมถามว่านิสิตนักศึกษาออกมาใช้เสียงครั้งแรก ผมและทหารชื่นชมที่ประชาชนออกมาใช้สิทธิกัน แต่เมื่อใช้สิทธิแล้วท่าจะเลือกใครท่านเลือกไปแล้ว ทำไมนักการเมืองไม่มาจับมือกันและไปต่อสู้กันในสภาฯ ต่างคนต่างทำหน้าที่เพื่อให้ประเทศชาติก้าวต่อไปข้างหน้า หากใครก็ตามเป็นรัฐบาลแล้วทำไม่ดี ฝ่ายค้านก็ทำหน้าที่ของฝ่ายค้าน ทำไมต้องมานั่งเถียงกัน แบ่งแยกแบ่งข้างกัน ทำให้ชาวโลกประเทศต่างๆมานั่งขำประเทศไทย ทั้งที่เราอยู่ภายใต้แผ่นดินไทย และภายใต้โพธิสมภารกันทั้งสิ้น” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว
พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวต่อว่า กองทัพบกเป็นเพียงองค์กรหนึ่งไม่สามารถขับเคลื่อนประเทศทั้งประเทศได้ หรือทำอะไรให้พวกท่านรักประเทศได้ แต่ตนถามว่าเราเป็นคนไทยด้วยกันหรือไม่ ตนยืนยันเราเป็นคนไทยด้วยกัน กองทัพบกจะยืนอยู่เคียงข้างทุกคน เพราะเราก็เป็นประชาชนและเป็นลูกหลานของพ่อแม่พี่น้องคนหนึ่ง ขอให้รักสามัคคีกัน ตนเห็นหลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นผ่านเฟซบุ๊กและไอจีต่างๆ ผมในฐานะผู้นำกองทัพยอมรับว่าโซเชียลคืออาวุธมีอานุภาพและมีประสิทธิภาพมากกว่าอาวุธใดๆที่กองทัพมี อย่างไรก็ตามพี่น้องประชาชนและนิสิตนักศึกษาส่วนใหญ่ก็เรียนในประเทศไทย และจบการศึกษาที่นี้ รับพระราชทานปริญญาบัตรก็จากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯและพระบรมวงศานุวงศ์ เราเติบโตกันที่นี้ หลายคนเป็นนักธุรกิจเมื่อมีเงินมีทองขึ้นมาก็เพราะแผ่นดินไทย ตนชื่นชมกับเศรษฐีที่มีเงิน มีอำนาจ มีบารมีหลายคนกระทำความผิดทุจริตคอร์รัปชันหรือโกงอะไรก็ตาม แต่เขาเหล่านั้นยอมรับกติกาของประเทศ และยอมรับกระบวนการยุติธรรมที่เกิดขึ้นว่าศาลของประเทศไทยได้ตัดสินแล้วว่าเขาต้องถูกจำคุกทั้งที่เขามีเงิน มีเกียรติ และศักดิ์ศรี ตนขอยกย่อง เพราะเปรียบเหมือนเป็นคนที่มีน้ำใจนักกีฬา และยอมรับกระบวนการตัดสิน หลายคนมีเงินพร้อมที่จะหนีออกนอกประเทศแต่เขายอมรับการตัดสินของกระบวนการยุติธรรมไทย ถ้าไม่ยอมรับกระบวนการยุติธรรม เราจะอยู่กันได้อย่างไรในเมื่อศาลฎีกาที่เป็นผู้ทรงอำนาจด้านการยุติธรรมสูงสุดของประเทศ
“นิสิต นักศึกษา ครูอาจารย์ ข้าราชการหลายคน ได้ทุนจากราชการหรือทุนในวังไปเรียนต่างประเทศ ระบอบประชาธิปไตยในโลกนี้ล้วนแล้วแต่มีวัฒนธรรมของตัวเอง ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนหรือไปเอาตำราใครมาก็ควรนำมาดูและดัดแปลง แต่ไม่ใช่พยายามที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบการปกครองประชาธิปไตย อย่าไปเอาความเป็นซ้ายจัดที่ไปเรียนมาแล้วดัดจริต ประเทศอื่นไม่มีแบบนี้ นี่คือเมืองสยามที่เป็นเมืองแห่งรอยยิ้ม เรามีระบอบประชาธิปไตยของเราแบบไทยๆ สิ่งที่ต้องการมากที่สุดคือขอให้คนไทยรักกัน และหันหน้าเข้าหากัน จะเป็นฝ่ายใดก็คือคนไทย เมื่อกรีดเลือดออกมาก็คือคนไทยที่มีเลือดบรรพบุรุษปกป้องผืนแผ่นดินไทย ขอให้หยุดวาทกรรมต่างๆ ใครไม่ดีก็ปล่อยให้เป็นไปตามครรลอง ใครไม่ดีก็ต้องพิสูจน์ด้วยงานและฝีมือ ถ้าผมทำไม่ดีก็ถูกย้ายไป ทุกคนต้องให้โอกาสกัน เกมใครเกมมัน เมื่อกรรมการตัดสินแล้วก็มาโทษกรรมการ มวยชกกันแพ้ก็มาโทษกรรมการ ถ้าเป็นแบบนี้มันไม่มีวันจบ โดยเฉพาะวัฏจักรแห่งการล้างแค้นและความไม่พึงพอใจไม่มีวันจบ” ผบ.ทบ. กล่าว
เมื่อถามว่าหากพรรคเพื่อไทยสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ จุดยืนและหน้าที่ของกองทัพจะเป็นอย่างไร พล.อ.อภิรัชต์ กล่าวว่า ยืนยันไปแล้วว่าเรายอมรับกติกาทุกอย่าง กองทัพไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะกองทัพเป็นกองทัพของประชาชน ตนอยากจะให้ลงมาดูว่าทุกวันนี้กองทัพมีการปรับปรุงและเปลี่ยนแปลงไปขนาดไหน อยากให้พี่น้องประชาชนได้เข้าใจอย่างถ่องแท้ และไม่ต้องถามแล้วว่ากองทัพจะมีปฏิวัติรัฐประหารหรือไม่ ซึ่งเป็นเพียงวาทกรรมเดิมๆที่นำถามแล้วถามอีก แล้วก็นำคำนี้ไปทำให้เด็กที่ยังไม่รับรู้อะไรมากมายเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อกองทัพไม่ดี ตนถามว่าทุกวันนี้ใครที่เป็นผู้นำไปช่วยเหลือประชาชนชาชนยามเดือดร้อน นำกำลังยุทโธปกรณ์ระดมสรรพกำลังทั้งหมดไปช่วยเหลือ
“ต่างชาติมีแต่ชื่นชม แต่ที่เขาขำก็ขำแม่งตีกันเอง ทะเลาะกันเอง เออดีเว้ย เศรษฐกิจจะได้พัง แต่คนอยู่ต่างประเทศมีความสุขสบาย อยากจะไปไหนก็ไป อยากจะทำอะไรก็ทำ ผมถามว่าคนรวยและมีอำนาจไม่ต้องติดคุกหรืออย่างไร ไม่ต้องยอมรับกติกาหรืออย่างไร คนที่เขามีเงินมีอำนาจแล้วที่ติดคุก ทำไมไม่ดูตัวอย่าง ทำไมเขายอมรับ” พล.อ.อภิรัชต์ กล่าว.