'นักวิชาการ'เห็นเค้าลางไม่สงบ หลังการเมืองซัดกันนัว
การเมือง

ดร.สติธร กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนมองว่าความขัดแย้งจะมากขึ้นหากยังเป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์ตึงเครียดไปหมด ปกติแล้วเมื่อเลือกตั้งแล้วสถานการณ์จะผ่อนคลายลงเพราะทุกคนได้แสดงออก ได้ออกสิทธิ ออกเสียง แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาประมาณนี้ และการบริหารจัดการยังคลุมเครือ การแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล และถาโถมด้วยท่าที่ของคนที่เป็นสัญลักษณ์แต่ละฝ่ายการเมือง ก็เริ่มมีการตั้งคำถามว่าแบบนี้จะทำให้เดินหน้าสู่ความปรองดอง สันติได้หรือ แต่กลับเห็นเค้าลางความไม่ปกติสุข อย่างไรก็ตามตนยังไม่คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นความล้มเหลวที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ยังมีทางออก ขึ้นกับว่าคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะยอมกันหรือไม่ จริงๆ ผลที่ออกมาก้ำกึ่งแบบนี้ก็สะท้อนแล้วว่าไม่มีใครแพ้ หรือชนะทั้งหมด ไม่มีใครทำให้อีกฝ่ายแพ้แต่ฝ่ายเดียวได้ ดังนั้นทางออกคือต้องยอมให้กัน แบ่งพื้นที่ให้กัน หากไม่เปิดพื้นที่ให้คนอีกฝั่งหนึ่งเลยประเทศเดินหน้าไม่ได้ ต้องแชร์กันว่าอะไรที่รับกันได้ก็เดินหน้าไป
ดร.สติธร กล่าวด้วยว่า จริงๆ ถ้ามองความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้หากเป็นช่วงหลังเลือกตั้งของรัฐบาลพลเรือนที่หมดวาระหรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง คงมองได้ว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลทหารที่มีการปกครองประเทศมานานถึง 5 ปี แล้วต้องผ่อนคลายอำนาจของตัวเองลงบางส่วน และพยายามรักษาไว้อีกบางส่วน ดังนั้นปรากฎการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตนจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างที่บอกว่าก็มีความเสี่ยงเกิดความรุนแรง ดังนั้น ทางออก 1.ทำเลือกตั้งให้ชัด การบริหารจัดการให้เป็นปกติ ไม่มีข้อครหา หากมีข้อสังสัยก็ต้องมีคำอธิบายที่ดีพอ นี่คือประตูบานแรกขอการเลือกตั้ง หากทำไม่โอเคเดินต่อก็สะดุดหมด 2.หากการเลือกตั้งทำได้ชัดเจน ทุกคนก็ต้องยอมรับ โดยเฉพาะพรรคการเมือง ต้องเดินหน้าตามกติกา หากติดล็อค ติดหล่มก็ต้องหาทางแก้โดยฟังเสียงประชาชน อย่าไปแก้กันเอง.