ข่าว'นักวิชาการ'เห็นเค้าลางไม่สงบ หลังการเมืองซัดกันนัว - kachon.com

'นักวิชาการ'เห็นเค้าลางไม่สงบ หลังการเมืองซัดกันนัว
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 3 เม.ย. ดร.สติธร ธนานิธิโชติ รักษาการผอ.สำนักนวัตกรรมเพื่อประชาธิปไตย สถาบันพระปกเกล้า ถึงสถานการณ์การเมืองหลังเลือกตั้งที่เกิดปรากฎการณ์ล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) การตั้งข้อหากับนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ การล่ารายชื่อถอดถอนนายปิยะบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงวาทกรรม “ซ้ายจัดดัดจริต” ของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ว่า สิ่งที่เกิดขึ้นวันนี้อาจจะเป็นผลสะเทือนจากการเลือกตั้ง ที่แม้จะไม่ใช่ผลอย่างเป็นทางการ  แต่คะแนน 100 เปอร์เซ็นต์ก็ทำให้เห็นที่นั่งได้ชัดว่าความนิยมของคนแบ่งเป็น 2 ขั้ว ที่มีจำนวนคนพอๆ กัน น่ากลัวตรงที่ว่าถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมให้กันก็มีแนวโน้มความรุนแรง หรือแตกแยกมากกว่านี้ ตอนนี้เป็นช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่ต่างฝ่ายต่างชิงไหว ชิงพริบกันว่าใครจะเป็นรัฐบาล ซึ่งถ้าต่างฝ่ายต่างเอาชนะกันก็มีแนวโน้มว่าอีกฝ่ายอาจจะไม่ยอม เลยต้องงัดเอาทุกวิธีการ ทุกรูปแบบ ตั้งแต่ข้อกฎหมาย กระบวนการเลือกตั้งของกกต. รวมถึงท่าทีของคนที่มีความเป็นสัญลักษณ์ของแต่ละฝ่าย อย่างผบ.ทบ.ก็เป็นสัญลักษณ์ของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ส่วนนายธนาธร นายปิยะบุตรก็เป็นฝ่ายของหัวก้าวหน้า  

ดร.สติธร กล่าวว่า ทั้งนี้ ตนมองว่าความขัดแย้งจะมากขึ้นหากยังเป็นแบบนี้เพราะสถานการณ์ตึงเครียดไปหมด ปกติแล้วเมื่อเลือกตั้งแล้วสถานการณ์จะผ่อนคลายลงเพราะทุกคนได้แสดงออก ได้ออกสิทธิ ออกเสียง แต่พอผลการเลือกตั้งออกมาประมาณนี้ และการบริหารจัดการยังคลุมเครือ การแย่งกันจัดตั้งรัฐบาล และถาโถมด้วยท่าที่ของคนที่เป็นสัญลักษณ์แต่ละฝ่ายการเมือง ก็เริ่มมีการตั้งคำถามว่าแบบนี้จะทำให้เดินหน้าสู่ความปรองดอง สันติได้หรือ แต่กลับเห็นเค้าลางความไม่ปกติสุข อย่างไรก็ตามตนยังไม่คิดว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นความล้มเหลวที่จะทำให้บ้านเมืองสงบสุข ยังมีทางออก ขึ้นกับว่าคนที่เกี่ยวข้องทุกฝ่ายจะยอมกันหรือไม่ จริงๆ ผลที่ออกมาก้ำกึ่งแบบนี้ก็สะท้อนแล้วว่าไม่มีใครแพ้ หรือชนะทั้งหมด ไม่มีใครทำให้อีกฝ่ายแพ้แต่ฝ่ายเดียวได้ ดังนั้นทางออกคือต้องยอมให้กัน แบ่งพื้นที่ให้กัน หากไม่เปิดพื้นที่ให้คนอีกฝั่งหนึ่งเลยประเทศเดินหน้าไม่ได้ ต้องแชร์กันว่าอะไรที่รับกันได้ก็เดินหน้าไป

ดร.สติธร กล่าวด้วยว่า จริงๆ ถ้ามองความเคลื่อนไหวทางการเมืองที่เกิดขึ้นตอนนี้หากเป็นช่วงหลังเลือกตั้งของรัฐบาลพลเรือนที่หมดวาระหรือยุบสภาเพื่อเลือกตั้ง คงมองได้ว่าเป็นเรื่องไม่ปกติ แต่สิ่งที่เกิดขึ้นรอบนี้เป็นการเปลี่ยนผ่านจากรัฐบาลทหารที่มีการปกครองประเทศมานานถึง 5 ปี แล้วต้องผ่อนคลายอำนาจของตัวเองลงบางส่วน และพยายามรักษาไว้อีกบางส่วน ดังนั้นปรากฎการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นตนจึงมองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่อย่างที่บอกว่าก็มีความเสี่ยงเกิดความรุนแรง ดังนั้น ทางออก 1.ทำเลือกตั้งให้ชัด การบริหารจัดการให้เป็นปกติ ไม่มีข้อครหา หากมีข้อสังสัยก็ต้องมีคำอธิบายที่ดีพอ นี่คือประตูบานแรกขอการเลือกตั้ง หากทำไม่โอเคเดินต่อก็สะดุดหมด 2.หากการเลือกตั้งทำได้ชัดเจน ทุกคนก็ต้องยอมรับ โดยเฉพาะพรรคการเมือง ต้องเดินหน้าตามกติกา หากติดล็อค ติดหล่มก็ต้องหาทางแก้โดยฟังเสียงประชาชน อย่าไปแก้กันเอง.