'สุกษม'จี้สบส.สอบปมนายหน้ารับขึ้นทะเรียนนวด
การเมือง

นพ.ณัฐวุฒิ ประเสริฐสิริพงศ์ อธิบดี สบส. กล่าวว่า จากการตรวจสอบกรณีที่มีการเผยแพร่ทางเฟสบุ๊ค ที่มีการรับอาสาไปขึ้นทะเบียนร้านนวดแทนผู้อื่น พบว่ากลุ่มคนดังกล่าวคือผู้ที่เคยมีประสบการณ์มาขอเปิดร้านนวด และเขาก็ดำเนินการอยู่ ทั้งนี้ตามกฎหมายต้องแยกเป็น 2 ส่วน กรณีขอขึ้นทะเบียนเปิดร้านนวดนั้นสามารถมาดำเนินการแทนกันได้ เพราะสุดท้ายแล้วเมื่อมาขอขึ้นทะเบียนแล้วเจ้าหน้าที่ก็จะต้องลงไปตรวจสอบร้านนวดอีกครั้งว่าได้มาตรฐานหรือไม่ หากอยู่ต่างจังหวัดก็จะมีนายแพทย์สาธารณสุข (สสจ.) เป็นผู้ตรวจสอบ ถ้าอยู่ในกรุงเทพฯ สบส.เป็นผู้ตรวจสอบ ส่วนกรณีขึ้นทะเบียนหมอนวดอันนี้เจ้าตัวจะต้องมาขึ้นทะเบียนเองไม่อนุญาตให้ผู้อื่นดำเนินการแทนได้ เพราะเราก็ตรวจสอบว่าตัวคน ตรงกับใบประกาศนียบัตรหรือไม่ และตรวจสอบกับฐานข้อมูลออนไลน์ที่ทางโรงเรียนสอนนวดต้องส่งเข้ามาด้วยว่าตรงกันหรือไม่
อธิบดีสบส.กล่าวต่อว่า ปกติสบส.มีการตรวจสอบร้านนวดทั่วประเทศเป็นประจำอยู่แล้วโดยเฉพาะกทม.ซึ่งมีสถานประกอบการเยอะมาก จึงทำหนังสือถึงสถานีตำรวจให้เชิญสถานประกอบการที่อยู่ในพื้นที่มาทำความเข้าใจ ก็พบว่ามีปัญหาบ่อยๆ แต่การกระทำบางอย่างที่เล็กน้อยก็ตักเตือนและให้แก้ไขเพราะเข้าใจว่ากฎหมายเพิ่งบังคับใช้ ส่วนจำเป็นต้องทบทวนกฎหมายหรือไม่นั้น ตนมองว่าวันนี้ยังมีการบังคับใช้กฎหมายไม่ได้เท่าที่ควร ต้องให้ผ่านไปสักระยะก็จะมีการทบทวนอีกครั้ง อย่างไรก็ตามย้ำว่ากฎหมายฉบับนี้ผ่านการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้าน และตอนนี้สิ่งสำคัญคือไทยกำลังผลักดันให้นวดไทยขึ้นเป็นมรดกโลก ซึ่งจะทำให้อาชีพนวดมีความสำคัญ สร้างรายได้ให้ประเทศจำนวนมาก จึงต้องกำกับเรื่องมาตรฐานอย่างเข้มงวด
นพ.ณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า สำหรับ กรณีที่สมาคมฯ ตั้งคำถามว่า สบส.จัดการเยียวยาหมอนวดที่ไม่สามารถขึ้นทะเบียนได้ โดยเปิดอบรมวันละ 600 คนนั้นจะมีมาตรฐานหรือไม่ ตนขอเรียนว่ามีคนที่จบจากสมาคมฯ และทำงานในร้านนวดอยู่แล้ว อีกทั้งยังเป็นกลุ่มที่มาขึ้นทะเบียนภายในระยะเวลา 180 วันตามบทเฉพาะกาลของพ.ร.บ.สถานประกอบการเพื่อสุขภาพ 2559 กำหนด เราถือเป็นกลุ่มคนที่ต้องการทำตามกฎหมาย จึงควรได้รับการเยียวยา ซึ่งมีประมาณ 3 พันคน ก็ให้ทดสอบเช้า 300 คน บ่าย 300 คน โดยมีโรงเรียนนวดอื่นๆ อาสามาอบมรม ทดสอบองค์ความรู้ หลักวิชานวด ข้อห้ามต่างๆ หากสอบผ่านก็รับรอง ถ้าไม่ผ่านก็ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ ซึ่งดำเนินการทั่วประเทศ ไม่ต้องเสียค่าเดินทางมาที่กทม.เลย ส่วนกลุ่มที่ไม่ได้มาแจ้งภายใน 180 วัน แสดงว่าเขาไม่ประสงค์ที่จะมาขึ้นทะเบียน ต้องมาเริ่มกระบวนการใหม่ ตามที่กฎหมายบังคับ และยังไม่ได้รับการเยียวยาจนกว่าสมาคมฯ จะมีการชี้แจง แยกแยะให้ได้ว่าคนไหนผ่านการอบรมถูกต้อง
“เราไม่สามารถปล่อยให้ทดสอบในกระบวนการเยียวยาทั้งหมดได้เลย ถ้าอย่างนี้ใครไม่ต้องไปเรียนก็มาอบรม มาทดสอบได้หมด กฎหมายไม่ได้เปิดให้ทำอย่างนั้น เราต้องให้สิทธิคนที่ปฏิบัติตามกฎหมายก่อน ถ้าเราไม่ปฏิบัติตามกฎหมายต่อไปอาชีพนวดไทยจะเสียหายมาก และกระทบกับคนที่ทำถูกต้อง อาจจะถึงขั้นกระทบกับการขึ้นทะเบียนเป็นหมอนวดด้วย” นพ.ณัฐวุฒิ กล่าว.