ข่าวทบ.จวกล่าชื่อถอดถอน'บิ๊กแดง'ทำแตกแยก - kachon.com

ทบ.จวกล่าชื่อถอดถอน'บิ๊กแดง'ทำแตกแยก
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 4 เม.ย.  ที่กองบัญชาการกองทัพบก (บก.ทบ.) ถ.ราชดำเนิน พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีที่มีการล่ารายชื่อเพื่อถอดถอนพล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ออกจากตำแหน่งว่า เป็นกิจกรรมหนึ่งทางโซเชียลมีเดียที่ต้องการแสดงออกถึงความไม่พอใจ ถือเป็นความขัดแย้งที่สังคมต้องพิจารณา เพราะควรพูดคุยกันด้วยเนื้อหาสาระเป็นหลัก ไม่ใช่ไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์เพียงอย่างเดียว ตนคิดว่าสังคมคงเข้าใจ

เมื่อถามว่า การล่ารายชื่อถอดถอนผบ.ทบ.ในทางกฎหมายทำได้หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้เป็นกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ในแง่ของความรู้สึกเช่นเดียวกับการล่ารายชื่อถอดถอนคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้งนี้ประเทศมีช่องทางดำเนินการอยู่แล้ว หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม หรือมีการทุจริตก็ไปยื่นร้องเรียนตามกลไก จากนั้นเป็นขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐานและไปพิสูจน์ หากมีมูล ก็ลงโทษทางคดีอาญา ซึ่งเป็นช่องทางที่จับต้องได้จริง

เมื่อถามว่า ฝ่ายกฎหมายของกองทัพได้ติดตามเว็บไซต์มีการล่ารายชื่อถอดถอนผบ.ทบ.หรือไม่ พ.อ.วินธัย กล่าวว่า เรื่องนี้ยังมีรายละเอียดไม่เพียงพอ ถ้าการพาดพิง หมิ่นประมาท ไม่ว่าบุคคล หรือมีพยานหลักฐานก็เข้าสู่กระบวนการที่เป็นสากลและผู้ถูกกล่าวหาสามารถใช้ช่องทางนี้ยืนยันความบริสุทธิ์ได้

เมื่อถามว่า สิ่งที่เกิดขึ้นกองทัพหวั่นไหวหรือไม่ที่มีการล่ารายชื่อถอดถอนผบ.ทบ. พ.อ.วินธัย กล่าวว่า  ไม่ได้เหนือในสิ่งที่ได้ประเมินไว้ ทั้งนี้ต้องยอมรับว่าตั้งแต่ปี 2557 เราผ่านเรื่องราวในลักษณะเช่นนี้มาแล้ว โดยบางกลุ่มก็ยังมีพฤติกรรมไม่ต่างจากอดีตจนถึงปัจจุบัน สิ่งนี้ไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่ต้องทำความเข้าใจและขอความร่วมมือ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ ผบ.ทบ.แถลงนั้นเป็นการบอกกล่าวกับสังคมว่าทหารไม่ได้ทำงานการเมือง นอกจากนี้ผบ.ทบ.ยังอยากให้ลดการใช้วาทกรรม ตนคิดว่าทางสังคมเองก็เห็นด้วยกับตรงนี้อยู่แล้ว สำหรับเรื่องการศึกษาระบอบประชาธิปไตยนั้นชี้ให้เห็นว่าในแต่ละประเทศมีบริบทและประชาธิปไตยที่หลากหลาย ส่วนกลุ่มคนที่มีความคิดซ้ายจัดนั้น อย่าไปเจาะจง แต่ให้ดูที่เจตนารมณ์ 

ขณะที่ พ.อ.หญิง ศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กิจกรรมขอชื่อ ขอเสียง ขอโหวต ในบ้านเราที่มีการใช้โซเชียลมีเดียดำเนินกิจกรรมในลักษณะดังกล่าว บางเรื่องก็เป็นการสร้างกระแส มีการตั้งหัวข้อที่เป็นการชี้นำ ไม่ใช่ใช้สื่อโซเชียลเพื่อขอความคิดเห็น ซึ่งการตั้งหัวข้อระบุเลยว่า ถอดถอน เอาหรือไม่เอา จะทำให้เกิดความคิดเห็นที่แบ่งเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งเห็นด้วย ส่วนหนึ่งคัดค้าน สุดท้ายทั้ง 2 ส่วนก็จะมาแสดงความเห็นในโซเชียลมีเดีย ตนถามว่าได้อะไรขึ้นมา 

"สิ่งที่จะได้คือความคิดเห็นที่แตกแยก ได้ใช้วาทกรรม การใช้ความรุนแรง การใช้ความคิดเห็นของตัวเองไปประกอบกับความคิดเห็น จึงทำให้เกิดการแบ่งฝ่าย ความแตกแยกเกิดขึ้น ลักษณะแบบนี้ไม่สร้างสรรค์ ไม่ได้ทำให้สังคมมีการใช้เหตุผล บางส่วนเป็นการปลุกกระแสที่คาดหวังว่าให้เป็นอย่างโน้นอย่างนั้น ไม่ใช่วิธีที่คนไทยควรจะเป็น แต่เป็นวิธีที่ถูกสร้างขึ้นและไม่ได้ส่งผลอันดีอันใดต่อประเทศไทย และความสงบเรียบร้อย มีแต่จะทำให้คนแตกแยก แบ่งฝักแบ่งฝ่าย ลักษณะแบบนี้สื่อก็คงไม่สบายใจที่ได้เห็นการร่วมลงรายชื่อสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนเรื่องใดเรื่องหนึ่งที่ไม่ใช่ประเด็นสาธารณะ" พ.อ.หญิงศิริจันทร์ กล่าว

ทั้งนี้มีรายงานว่า พล.อ.อภิรัชต์ ได้ระบุถึงเรื่องดังกล่าวในที่ประชุมหน่วยขึ้นตรงกองทัพบก (นขต.ทบ.) ว่า "ขอให้ปล่อยไปเถอะ เพราะผมโดนมาเยอะแล้ว และผมก็ไม่ใช่นักการเมือง อีกทั้งในทางกฎหมายผมก็ไม่ได้อยู่ในข่ายที่จะถอดถอนได้"