'ธนาธร'ยันไม่ได้พา'โรม'หนี จวกทำลายพรรคกลัวเติบโต
การเมือง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. ที่สยามสแควร์ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ พร้อมว่าที่ ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ ลงพื้นที่ขอบคุณคะแนนเสียงจากประชาชน โดยมีกลุ่มวัยรุ่น นักเรียน นิสิต นักศึกษา มาคอยให้การต้อนรับจำนวนมาก ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบร่วมสังเกตการณ์ในบริเวณดังกล่าว
ทั้งนี้ นายธนาธร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการถูกหมายเรียกตามมาตรา 116 ของ สน.ปทุมวัน ว่า ยืนยันว่าจะเดินทางไป สน.ปทุมวัน ในเวลา 10.00 น. วันที่ 6 เม.ย. แน่นอน ไม่หนีไปไหน สำหรับเหตุการณ์เดือน มิ.ย.2558 มีนักศึกษากลุ่มหนึ่งที่ออกมารรณรงค์ในช่วงครบรอบ 1 ปีรัฐประหาร ในวันที่ 22 พ.ค. หลังจากนั้นเยาวชนกลุ่มนี้ก็โดนคดีความทำให้มีประชาชนกลุ่มหนึ่งเข้าไปให้กำลังใจที่หน้า สน.ปทุมวัน ในวันที่ 24 มิ.ย. ซึ่งตนได้ไปให้กำลังใจเยาวชนกลุ่มนี้ด้วย โดยน่าจะเป็นช่วงเวลา 20.00-21.00 น. หลังจากนั้นพอตกดึก เยาวชนก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา ขณะตนเดินทางกลับบ้านก็ได้ไปพบหนึ่งในสมาชิกของเยาวชนกลุ่มนี้ คือ นายรังสิมันต์ โรม ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ ที่ริมถนน กำลังจะกลับบ้านพอดี ตนจึงอาสาพาไปส่งที่ที่เขาต้องการไปให้ เรื่องก็มีเท่านี้ไม่ได้มีอะไรซับซ้อน ส่วนเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเรามองว่าเป็นความพยายามทำลายความน่าเชื่อถือของพรรคอนาคตใหม่ ที่เป็นฝั่งตรงข้ามกับการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ เรื่องนี้คงต้องให้สังคมช่วยพิจารณา
เมื่อถามถึงกรณีที่ระบุว่า รถที่นำมารับเป็นรถของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดานายธนาธรนั้น นายธนาธร กล่าวว่า ตามความเข้าใจของตน รถคันดังกล่าวน่าจะเป็นรถบริษัท ซึ่งนางสมพร เป็นกรรมการบริษัท อย่างไรก็ตามตนไม่ได้กังวลอะไร จะเกิดอะไรขึ้นก็พร้อมทุกสถานการณ์ ส่วนนางสมพร ต้องไปเป็นพยานหรือไม่นั้น ตนยังไม่ได้คุยเรื่องนี้
เมื่อถามว่าข้อหาที่ได้รับยืนยันหรือไม่ว่าไม่ได้เป็นการพาผู้ต้องหาหลบหนี นายธนาธร กล่าวว่า นายรังสิมันต์ ก็เดินออกมาจาก สน.ปทุมวัน ได้ ก็แปลว่าเขาได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่ใน สน.แล้ว ตนไปเจอนายรังสิมันต์ อยู่ข้างถนน กำลังโบกรถแท็กซี่กลับบ้าน ตนก็บอกจะไปไหนและอาสาไปส่งให้เพื่อให้กำลังใจกัน ดังนั้นตนไม่มีเรื่องใดปกปิดและพร้อมชี้แจงทุกประเด็น
เมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่แกนนำพรรคอนาคตใหม่เจอหลายคดีในช่วงนี้ นายธนาธร กล่าวว่า ตนคิดว่ามีความเป็นไปได้ 2 อย่าง คือ 1.พยายามเบี่ยงเบนความสนใจของสังคมออกจากเรื่องความผิดปกติของการเลือกตั้ง และความกดดันที่มีต่อ กกต. 2.ความเป็นไปได้หนึ่งคือความพยายามต้องการทำลายพรรคอนาคตใหม่ในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่ง เนื่องจากความกลัวการเติบโตขึ้นของพลังของคนที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของเผด็จการ ส่วนการมาสยามสแควร์ในวันนี้เป็นการวัดพลังกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่สนับสนุนหรือไม่นั้น เรื่องนี้อยู่ในแผนการเดินสายขอบคุณประชาชนในพื้นที่ต่างๆ อยู่แล้ว ซึ่งอยากไปให้ครบทุกพื้นที่ทุกจังหวัด ทั้งนี้ตนเชื่อว่าในเรื่องคดีของตน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และพรรคอนาคตใหม่นั้น ถ้ากระบวนการยุติธรรมมีความยุติธรรมและโปร่งใสจริงๆ ทุกคดีไม่มีพื้นฐานทางกฎหมายจริงๆ ที่จะลงโทษเรา สำหรับนายปิยบุตรนั้น กำลังใจยังเข้มแข็งดี พวกเราพรรคอนาคตใหม่ยืนยันว่านายปิยบุตรเป็นเสาต้นที่สำคัญของพรรคอนาคตใหม่ทั้งเมื่อวาน วันนี้และในวันพรุ่งนี้ต่อไป
ส่วนการล่ารายชื่อถอดถอนนายปิยบุตร จากการเป็น ส.ส.พรรคอนาคตใหม่นั้น นายธนาธร กล่าวว่า ขณะนี้มีรายชื่อประมาณ 1 หมื่นคน ในทางกลับกันคนที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของ กกต. และลงชื่อออนไลน์ มีประมาณ 1 ล้านคน และประชาชนที่ลงชื่อถอดถอน พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.มีจำนวน 3 หมื่นกว่าคน เยอะกว่าที่ลงชื่อถอดถอนนายปิยบุตร เสียอีก จึงชัดเจนว่าเสียงที่สังคมส่งเสียงอยู่คือเสียงอะไร เสียงของการเรียกร้องให้ประเทศไทยกลับมาสู่ความเป็นประชาธิปไตย กลับสู่ความเป็นนิติรัฐ
นายธนาธร ยังกล่าวถึงสูตรการคำนวณ สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ว่า ถ้าเรายึดความเป็นธรรมจะตีความได้เพียงสูตรเดียว คือ เอาผู้มาใช้สิทธิ์เลือกตั้งทั้งหมดหารด้วยจำนวน ส.ส. ทำให้ได้ 71,000 คะแนน ต่อส.ส.หนึ่งคน ดังนั้นถ้าเรายึดตามสูตรนี้ก็จะรู้ว่าใครจะได้ ส.ส.เท่าไร ไม่มีอะไรซับซ้อน นี่เป็นเรื่องน่าห่วงมาก เพราะ กกต.เองยังไม่รู้วิธีคำนวณที่ถูกต้องคืออะไร กกต. ควรจะรู้วิธีการที่ถูกต้องก่อนการเลือกตั้งเสียด้วยซ้ำ และประชาชนกำลังรอคำตอบจาก กกต.ยิ่งเร็วเท่าไรยิ่งเป็นผลดีกับประเทศไทยเท่านั้น ความไม่แน่นอนที่ทำให้ประเทศไทยชะงักงันจะได้ชัดเจน ตามกฎหมายระบุไว้แต่แรกแล้ว ยิ่ง กกต.ประกาศเร็วเท่าไรยิ่งดี.