ข่าวพปชร.พร้อมออกก.ม.แก้ฝุ่นพิษ หลังเป็นรัฐบาลทันที - kachon.com

พปชร.พร้อมออกก.ม.แก้ฝุ่นพิษ หลังเป็นรัฐบาลทันที
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) แกนนำพรรคพลังประชารัฐ โดยนายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และ นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค  ร่วมกับภาคเอกชน และภาคประชาสังคม  และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ร่วมจัดเสวนา “หาทางออกแก้ปัญหาไฟป่าและฝุ่นควันPM2.5” ภายหลังการลงพื้นที่ติดตามปัญหาที่ จ.เชียงใหม่ เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา


นายอุตตม กล่าวเปิดการเสวนาว่า พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5  ตั้งแต่ลงสนามหาเสียงเลือกตั้งเพราะเห็นว่าเป็นปัญหาระดับชาติ ที่เกิดขึ้นทั้งใน กทม.จ.เชียงใหม่ และพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ซึ่งหากปล่อยไปก็จะเป็นปัญหาในระยะยาว เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน ดังนั้นพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคการเมือง ยืนยันจะเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายที่พรรคได้ประกาศไว้อย่างจริงจัง เพราะเรามีทีมงานของพรรคที่ศึกษาหาข้อมูล มีประสบการณ์ ดังนั้นจะเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง เพราะในฐานะฝ่ายการเมืองต้องยึดโยงกับประชาชนเสมอ อะไรที่จะเป็นประโยชน์เราก็นำเสนอไปยังภาครัฐ เพราะเป็นปัญหาฝุ่น PM 2.5 ซับซ้อนและต้องดำเนินการต่อเนื่อง ซึ่งทุกฝ่ายต้องช่วยกัน พรรคพลังประชารัฐจึงขอเป็นหนึ่งในผู้ที่จะมีส่วนรวบรวมและกระตุ้นความคิดเพื่อแก้ไขปัญหาในเรื่องนี้และเรื่องอื่นๆที่เป็นประโยชน์กับประชาชน โดยไม่รอว่าจะต้องเป็นรัฐบาล


นายสนธิรัตน์  กล่าวว่า เป้าหมายระยะสั้นคือทำอย่างไรให้ปัญหาฝุ่นควันไฟป่า ของ จ.เชียงใหม่ และภาคเหนือตอนบน เบาบางลงและไม่เกิดขึ้นอีก นำอากาศที่ดีกลับสู่ พี่น้องประชาชน  ซึ่งเมื่อวันที่8 เม.ย.ทีผ่านมา ตนได้พูดคุยกับรมว.เกษตรและสหกรณ์ ซึ่งช่วยดูแลเรื่องไฟป่าและการทำฝนเทียม แต่ค่อนข้างที่จะมีอุปสรรคจากสภาพอากาศ ดังนั้นจึงเป็นโอกาสดีที่ทุกภาคส่วนจะได้มาแลกเปลี่ยนและหาทางออกร่วมกันในวันนี้

จากนั้นได้เปิดโอกาสให้ทุกฝ่ายได้ร่วมแสดงความเห็น โดย นายวีระวิทย์ แสงจักร ตัวแทนผู้ประสบภัย จ.เชียงใหม่  กล่าวว่า จ.เชียงใหม่ ต้องอยู่กับฝุ่นควันพิษมานานกว่า 2 เดือน คนในพื้นที่ทุกข์ทรมาน มีโรคภัยตามมา จึงต้องการให้พรรคพลังประชารัฐนำปัญหาตรงนี้เสนอต่อรัฐบาลให้ลงมาช่วยเหลือและแก้ไขปัญหา โดยเร่งยกระดับความเดือดร้อนของชาวภาคเหนือตอนบนทุกจังหวัด ที่มีกว่า 16 ล้าน ให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะเรื่องของสุขอนามัย เพราะไม่มีหน่วยงานด้านสาธารณสุขเหล่านี้ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือ มีเพียงอาสาสมัครในพื้นที่ 30 องค์กร ที่ลงขันกันผลิตเครื่องฟอกอากาศ แจกหน้ากากอนามัย ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ดังนั้นอยากให้เกิดการบูรณาการอย่างถาวร ตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ

นายวีระชัย  เจือสันติกุลชัย  กลุ่ม Clean Ari For All   กล่าวว่า ฝุ่นที่ จ.เชียงใหม่ ร้ายแรงเท่ากับการสูบบุหรี่ 18 มวน ดังนั้นในระยะเร่งด่วนอยากให้ภาครัฐ เอกชน สื่อ ยกระดับการตระหนักรู้ต่อประชาชน ถึงพิษภัยของฝุ่นควันไฟป่า ควบคู่กับมาตรการแก้ปัญหาในระยะยาว

ด้านนายรุจิพัฒน์ สุวรรณสัย  กลุ่มล่ามช้าง  กล่าวว่า ปัญหาต้นเหตุทางภาคเหนือ ไม่ได้มีปัญหาหลักจากอุตสาหกรรมและเผาไหม้รถยนต์ แต่เป็นการเผาไหม้ในพื้นที่ หากดูจากจุดฮอตสปอทกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ เกิดในพื้นที่ป่าและไม่ใช่ไฟป่าที่เกิดขึ้นเอง แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์ ที่มีแรงจูงใจแม้รู้ว่าเป็นสิ่งไม่ดี นั่นคือชาวบ้านไม่มีอาชีพ ไม่มีเงิน จึงคิดว่าการเผาเพื่อเก็บของป่าขายเป็นการหารายได้ นอกจากนี้อีก 20 เปอร์เซ็นต์เกิดจากการเผาในพื้นที่เกษตร อย่างพื้นที่ที่ปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่มีพันธะสัญญาว่า ปลูกเท่าไหร่รับซื้อหมด เมื่อเก็บเกี่ยวเสร็จก็เผา บ้านเราก็ทำ พม่าก็ทำ ลาวก็ทำ เมื่อลมมา จึงพัดมายังประเทศไทย เมื่อชาวบ้านไม่มีองค์ความรู้ ไม่มีทางเลือก จึงต้องทำเช่นนั้น ดังนั้นต้องหาแนวทางให้คนที่อยู่รอบๆป่ามีทางเลือก และมีองค์ความรู้


ภายหลังการเสวนากว่า2 ชั่วโมง นายสนธิรัตน์  กล่าวสรุปว่า เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องด่วนซึ่งเราต้องบูรณาร่วมกันยกระดับเสนอเรื่อง PM2.5 ให้คนได้รับรู้ให้มากที่สุด และยกระดับเป็น วาระแห่งชาติ” รวมถึงเดินหน้าผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้อง  จากการประกาศร่วมกันขับเคลื่อนทำเรื่องนี้ให้ใหญ่ขึ้น โดยพรรคพลังประชารัฐจะมอบหมายให้ นายกอบศักดิ์ โฆษกพรรค เป็นแม่งานในเรื่องนี้ โดยตั้งเป็นคณะทำงานของพรรค รวมทั้งเชิญผู้เชี่ยวชาญ  นักวิชาการ และบุคคลในพื้นที่มาเข้ามาร่วม  และทำกิจกรรม อินดอร์  เอาท์ดอร์ ส่วนจะต้องขอความร่วมมือและเกี่ยวข้องกับหน่วยงานรัฐตรงไหนนั้นในเบื้องต้นตนจะได้โทรศัพท์ไปประสานกับรัฐมนตรีกระทรวงที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงมหาดไทย  กระทรวงเกษตรและสหกรณ์  กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม  เป็นต้น เพื่อจะได้เร่งแก้ปัญหาในเรื่องนี้อย่างรวดเร็ว

“อย่ามองว่าโลกสวย เป้าหมายคือต้องมีกฎหมายออกมารองรับ และต้องตระหนักรู้ ให้ประชาชนได้รับรู้PM2.5  ซึ่งเรื่องไหนที่ชัดเจนก็จะได้นำเสนอต่อนายกรัฐมนตรีต่อไป และเมื่อเราเป็นรัฐบาลก็จะเดินหน้าแก้ปัญหาทันที “ นายสนธิรัตน์ กล่าว.