'บิ๊กตู่'เยี่ยมหมอชิต ขู่โชเฟอร์ทำเกิดอุบัติเหตุจับติดคุก
การเมือง
โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สงกรานต์เป็นช่วงเวลาแห่งความสุข ฉะนั้นต้องระมัดระวังให้มากที่สุด หากพบว่าใครเมาให้แจ้งได้ทันที ทุกคนต้องมีส่วนร่วม ทั้งนี้หากคนขับทำให้เกิดอุบัติเหตุบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจะต้องติดคุกไม่มีการเจรจา ขณะเดียวกันขอให้ระมัดระวังมิจฉาชีพต่างๆ รักทุกคน ขอให้ร่วมกันทำให้บ้านเมืองสงบ อย่าให้เกิดขึ้นอีก นายกฯเป็นห่วง เพราะว่ารถแน่น ทุกอย่างจะดีขึ้นในพื้นที่ภาคอีสาน ขอให้อดทนหน่อยจะมีรถไฟฟ้าแล้ว ทุกคนจะมีชีวิตที่ดีขึ้น
ต่อมานายกฯตรวจเยี่ยมห้องปฏิบัติการฯ เพื่อพูดคุยกับคนขับรถ โดยกำชับให้คนขับรถระมัดระวังขับอยู่ในปริมาณที่กฎหมายกำหนดคือ 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากนั้นนายกฯได้ทดลองเป่าเครื่องตรวจวัดระดับแอลกฮอล์จากลมหายใจ ซึ่งปรากฎว่าขึ้นมาเป็นสีเขียว โดยนายกฯ กล่าวว่า “เป็นสีเขียว เพราะไม่ได้ดื่มอะไรมา”
เมื่อถามว่าในช่วงเทศกาลสงกรานต์กังวลอะไรหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ทุกคนทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ขอขอบคุณเจ้าหน้าที่อาสาสมัคร ขอบคุณทุกคนที่ตั้งจุดสกัดตามรายทาง สถานีบริการที่มีจุดพักรถ ซึ่งก็ต้องเห็นใจคนเหล่านี้ เพราะคนเหล่านี้เสียสละ ไม่ได้ไปเที่ยวต้องมาดูแลพวกเรา ให้กำลังใจเขามากๆ อีกส่วนหนึ่งคือเจ้าหน้าที่ตามแนวชายแดน และทหารใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ทุกคนมีความเสี่ยงหมด เราไปสนุกสนานกับบ้านเขาไม่ได้กลับ เขาต้องเตรียมความพร้อมการอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชนนั้น คือสิ่งที่เราต้องมองในส่วนที่ดีๆ
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขอให้ทุกคนระมัดระวังในเรื่องความปลอดภัยการนั่งกระบะท้าย เดินทางอย่างปลอดภัยทั้งในช่วงนี้ และในช่วงต่อๆไป และด้วยเดชะพระบารมีสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจะปกป้องพวกเรา ในช่วงพิธีมหามงคลนี้ด้วยและตนอยากให้ร่วมกันทำความดี เพื่อลดความสูญเสียทางอุบัติเหตุให้มากที่สุด เพื่อถวายสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ให้ได้ ขอให้ทำกันสักครั้ง ตนรอฟังอยู่ รวมถึงการดื่มสุราการสวมหมวกกันน็อก และการคาดเข็มขัดนิรภัยและไม่ยืนอยู่ท้ายรถกระบะ
จากนั้นนายกฯขึ้นไปบนรถทัวร์ สายกรุงเทพฯ-แม่สอด หมายเลขทะเบียน15- 5813 เพื่อพูดคุยกับผู้ขับขี่รถโดยสารสาธารณะ โดยนายกฯ ได้เน้นย้ำโชว์เฟอร์ให้ดูแลผู้โดยสารเหมือนคนในครอบครัว ก่อนจะเดินไปส่งประชาชนที่รอขึ้นรถบัสกลับบ้าน โดยนายกฯระบุว่า “วันนี้มาส่งกลับบ้าน ใครจะไม่รักนายกฯ ไม่รู้ แต่นายกฯรักทุกคน”
ทั้งนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ให้สัมภาษณ์ว่า เราต้องมีความรักให้กันและกัน ถ้าเราสร้างความเกลียดชังมากขึ้นเท่าไหร่ ยิ่งอันตรายกับประเทศไทย ทุกคนอาจมุ่งหวังในการเปลี่ยนแปลงใช้ความรุนแรงอะไรต่างๆตนเห็นว่ายังไม่ใช้เวลา เพราะประเทศเราสงบสุขมา 4-5ปีแล้ว มาทำอะไรกันอีกต้องทำให้บ้านเมืองสงบถือเป็นเป้าหมายสุดท้ายที่เราต้องการ อย่างไรก็ตาม ถ้าเราโทษใครสักคน แล้วเรามองแต่ความผิดคนนี้ไปเรื่อยๆ คนนี้ก็ไม่มีโอกาสได้แก้ตัว เราต้องหาความดีของเขาว่าอยู่ตรงไหน ตอนนี้ความไม่ดีอาจจะมากกว่าความดี ก็ให้เขาทำความดีต่อไป เพื่อถ่วงน้ำหนักกลับมา เพื่อให้คนเหล่านี้เป็นคนที่ดีขึ้น ถ้าไม่อย่างนั้นเขาก็ไม่มีกำลังใจที่จะฟื้นตัวเป็นคนดีขึ้นมาไม่ได้ เพราะสังคมไม่ให้โอกาสเขา
“ผมอย่าให้ใครมาทำทะเลาะแตกแยกกันอีก ผมเบื่อแล้ว และผมไม่ต้องการอะไร แค่ขอให้ทุกคนเป็นคนดี เพื่อชาติบ้านเมืองให้มากขึ้น เวลานี้เป็นเวลาที่ทุกคนต้องดูแลประเทศไทย ประเทศสำคัญกว่าอย่างอื่นถ้าประเทศดีอย่างอื่นก็ดีด้วย ถ้าบ้านเมืองพังพินาศไปแล้ว เราก็อยู่ไม่ได้ ถึงเราจะดีแต่บ้านเมืองไม่ดีไม่ได้” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว.