ข่าวเซ่นสงกรานต์วันแรก46ราย!มากกว่าปีก่อน7ราย - kachon.com

เซ่นสงกรานต์วันแรก46ราย!มากกว่าปีก่อน7ราย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 12 เม.ย.  ที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โดยศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน (ศปถ.) นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการนโยบายป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนแห่งชาติคนที่สอง เป็นประธานแถลงข่าวสรุปผลการดำเนินงานของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ 2562 โดยเปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2562 โดยปภ.และความร่วมมือของหน่วยงานภาคีเครือข่ายได้รวบรวมสถิติอุบัติเหตุทางถนนประจำวันที่ 11เม.ย. 2562 ซึ่งเป็นวันแรกของการรณรงค์ “ขับรถมีน้ำใจ รักษาวินัยจราจร” เกิดอุบัติเหตุ 468 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 46 ราย ผู้บาดเจ็บ 482 คน โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ นครศรีธรรมราช 20 ครั้ง  จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อุดรธานี  4 ราย จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 23 คน

ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 34.62 ขับรถเร็ว ร้อยละ 26.92 ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์  ร้อยละ 78.47 ส่วนใหญ่เกิดในเส้นทางตรง ร้อยละ 65.38 บนถนนกรมทางหลวง ร้อยละ 42.31 ถนนใน อบต./หมู่บ้าน ร้อยละ 35.04 ช่วงเวลาที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ ช่วงเวลา 16.01 – 20.00 น. ร้อยละ 29.06 ผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุดอยู่ในช่วงอายุ 50 ปีขึ้นไป ร้อยละ 25.19  ทั้งนี้ ได้จัดตั้งจุดตรวจหลัก 2,036 จุด เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 65,276 คน เรียกตรวจยานพาหนะ709,464 คัน มีผู้ถูกดำเนินคดี รวม 163,584 ราย มีความผิดฐานไม่สวมหมวกนิรภัย 45,230 ราย ไม่มีใบขับขี่ 41,485 ราย

นายอาคม กล่าวต่อไปว่า แม้ว่าวันนี้จะเป็นวันหยุดวันแรกของเทศกาลสงกรานต์ 2562 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่เดินทางถึงที่หมายแล้ว ในขณะที่บางส่วนยังอยู่ระหว่างการเดินทาง ศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนได้เน้นย้ำจังหวัด ให้ความสำคัญกับการดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกในการเดินทางของประชาชนทั้งถนนสายหลักและสายรอง โดยพิจารณาเปิดช่องทางพิเศษ ปิดจุดกลับรถ ประชาสัมพันธ์เส้นทางเลี่ยง ทางลัด เพื่อให้การสัญจรเป็นไปด้วยความคล่องตัว มุ่งเฝ้าระวังจุดเสี่ยงอุบัติเหตุ ทั้งจุดตัดทางรถไฟ ทางลักผ่าน  ทางแยก ทางร่วม และบริเวณที่มีการก่อสร้างถนน พร้อมดูแลเส้นทางตรงที่มีระยะทางยาว เพื่อป้องกันการขับรถเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด อีกทั้งเพิ่มความถี่ในการเรียกตรวจความพร้อมของผู้ขับขี่ยานพาหนะทุกประเภท เน้นการตรวจวัดระดับแอลกอฮอล์และสารเสพติด รวมถึงกำชับจุดตรวจ ด่านตรวจบังคับใช้กฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการตรวจจับและปรับในอัตราโทษสูงสุติดคุก กรณีขับรถเร็ว และดื่มแล้วขับ 


นายอาคม กล่าวอีกว่า เมื่อวาน (11 เม.ย.) มีปริมาณการจราจรตามที่คาดการณ์ไว้ว่าจะมากกว่าปีที่แล้ว ร้อยละ 3.4 โดยเฉพาะทางเข้าออกกทม. เพิ่มจากปีที่แล้วร้อยละ 3-4  ซึ่งเมื่อวานการเดินทางของประชาชนเพิ่มขึ้นมาประมาณร้อยละ 1.76  หรือประมาณ 1 ล้านคัน มีจำนวนผู้โดยสารเดินทางออกนอกกทม.อยู่ที่ 667,000 คน และวันนี้คาดการณ์ว่าจะมีประชาชนเดินทางออกจากกทม.ประมาณ 500,000 คน  รวมการเดินทางทั้งสิ้น 2 วัน ปริมาณการเดินทางออกของประชาชนกว่า 2 ล้าน คน  

ส่วนอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น สาเหตุหลักเป็นปัจจัยเดิมทั้งเรื่องของความเร็ว หลับใน และการไม่คาดเข็มขัดนิรภัย และมาตรการที่สำคัญ กระทรวงคมนาคมยังคงให้ความสำคัญเรื่องเมาไม่ขับที่มีมาตรการลงโทษขั้นสูงสุดจำคุกอย่างเดียวถือว่าเจตนาในการก่อให้เกิดอุบัติเหตุและเสียชีวิต  ด้านมาตรการรณรงค์ประกอบด้วย  ขับช้าตามกฎหมายกำหนด เปิดไฟหน้า คาดเข็มขัดนิรภัย และ การขับขี่รถจักรยานยนต์ที่ต้องเปิดไฟหน้าและสวมหมวกนิรภัย ทั้งนี้ยังได้ออก 3 มาตรการ สำหรับรถสาธารณะทั้งรถบัสและรถตู้ เนื่องจากมีผู้โดยสารจำนวนมากคือ  ในระบบการติดตามรถทั้งของบขส. และเอกชน ความพร้อมของรถ ตรวจ แอลกอฮอล์ สารเสพติดและจำนวนชั่วโมงการพักผ่อนของพนักงานขับรถ และความพร้อมของรถโดยสาร ที่จะมีผู้ตรวจการตรวจความพร้อมใน 20 รายการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับข้อมูลของศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลสงกรานต์ พ.ศ. 2561 ประจำวันที่ 11 เม.ย. พ.ศ.2561 เกิดอุบัติเหตุ 447 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 39 ราย ผู้บาดเจ็บ 461 ราย ( 7 วันอันตราย คือตั้งแต่ 11 – 17 เม.ย. 2561)  สาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด คือ ดื่มแล้วขับ ร้อยละ 40.49 ขับรถเร็ว ร้อยละ 26.62  ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ ร้อยละ 81.96  โดยจังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงราย (18 ครั้ง)  จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ อำนาจเจริญ เลยนครศรีธรรมราช นครพนม บุรีรัมย์ ชลบุรี เพชรบูรณ์ จังหวัดละ 2 ราย  และจังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงราย 18 คน.