"นิกร"ชี้เมาขับรถชนคนตายไม่ควรตั้งข้อหา"เจตนาฆ่า"
การเมือง
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 13 เม.ย. นายนิกร จำนง ผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา ในฐานะประธานมูลนิธิประชาปลอดภัย กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งข้อหาเจตนาฆ่าและพยายามฆ่าคนเมาขับรถยนตร์แล้วเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิต ว่า เรื่องนี้ต้องออกตรงกลาง เราจะไปชี้ว่าเจตนาฆ่าไม่ได้เพราะเขาไม่ได้เจตนา แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้คนเสียชีวิตโดยประมาทก็ไม่ได้ เป็น 2 ทางเลือกที่ไม่ลงตัว เพราะเราเองก็รู้ว่าหากดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขับรถแล้วอาจจะเป็นต้นเหตุให้คนอื่นบาดเจ็บ เสียชีวิตได้ ดังนั้นจะชี้ว่าเป็นประมาทก็ไม่ได้ แต่จะชี้ว่าเจตนาฆ่าก็ไม่ได้เพราะไม่ได้เจตนา คิดว่าศาลน่าจะไม่รับ เพราะเขาแค่ดื่ม ดังนั้นอาจจะต้องมีการแก้กฎหมาย เช่นที่ประเทศญี่ปุ่นโทษของการเมาแล้วขับ จะแรงกว่าโทษประมาท
“วันนี้กฎหมายในเมืองไทยที่มีอยู่คือเบาเกินไป กับแรงเกินไป เราต้องมาออกแบบให้อยู่ตรงกลาง คนที่ดื่มแล้วทำให้คนบาดเจ็บ เสียชีวิตต้องได้รับโทษที่แรงกว่าประมาท อาจจะเพิ่มโทษจำคุกก็ว่าไป แต่โทษของการเจตนาฆ่าอาจจะแรงเกินไป” นายนิกร กล่าว
เมื่อถามว่า เรื่องการตั้งข้อหาเจตนาฆ่ากับคนเมาแล้วขับจนเกิดอุบัติเหตุมีคนเจ็บ ตาย ออกมาก่อนที่จะเข้าสู่ช่วง 7 วันอันตรายของเทศกาลสงกรานต์แล้ว นายนิกร กล่าวว่า คำว่าเจตนาฆ่าคือต้องมีเป้าหมายว่าจะฆ่าใคร ไม่ใช่เจตนาไปฆ่าคนทั่วไปบนท้องถนน เรื่องนี้ตีความยาก แต่การที่รัฐบาลออกมาตรการนี้มาก็ถือว่าเป็นการปราม แต่ก็แรงไป อาจจะค่อยๆ หย่อนลงไปหน่อย อย่างที่บอกว่าต้องมีการพัฒนากฎหมายเมาแล้วขับให้แรงกว่าการประมาท แต่ไม่ถึงกับเจตนาฆ่า ถ้าใช้เจตนาจะมีปัญหาได้ เพราะว่าคนตัดสินไม่ใช่รัฐบาล ไม่ใช่ตำรวจ หรืออัยการ แต่เป็นศาล ซึ่งเมื่อศาลจะตัดสินก็ต้องดูองค์ประกอบหลายอย่าง คือฟ้องได้ แจ้งความได้ แต่ไม่มีผลก็ไม่มีความหมายดังนั้นต้องแก้กฎหมาย และครั้งนี้ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี เป็นการเร่งให้คนหันมามองตรงนี้ เป็นบันไดขั้นแรกที่นำสู่การแก้กฎหมายให้อยู่ตรงกลาง.