ข่าว"เทพไท"ชง 4 รายชื่อนั่งนายกฯคนกลาง 2 ปี - kachon.com

"เทพไท"ชง 4 รายชื่อนั่งนายกฯคนกลาง 2 ปี
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 14 เม.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทพไท เสนพงศ์ ว่าที่ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ไลฟ์สดผ่านเฟซบุ๊กวิเคราะห์สถานการณ์การเมืองของประเทศ โดยย้ำว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อเข้ามาแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและแก้รัฐธรรมนูญ ให้มีวาระเพียงแค่ 2 ปี จากนั้นให้คืนอำนาจแก่ประชาชนและจัดการเลือกตั้งใหม่  สำหรับบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนกลางของรัฐบาลแห่งชาตินั้น ตนเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองพร้อมถอยคนละก้าว แต่พรรคที่มีปัญหาและข้อจำกัดมากที่สุด คือ พรรคอนาคตใหม่ เพราะมีจุดยืนชัดเจน คือ 1.ไม่สืบทอดอำนาจ และ 2.ต้องแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งการจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติตามที่ตนเสนอไม่ขัดกับจุดยืนนี้แน่นอน เนื่องจากมีการตัดตอนสืบทอดอำนาจที่ชัดเจน เพราะนายกคนกลางไม่ใช่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา  อีกทั้งรัฐบาลดังกล่าวจะมีภารกิจแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งไม่ขัดจุดยืนของอนาคตใหม่ ดังนั้น พรรคอนาคตใหม่จึงสามารถเข้าร่วมได้ 

นายเทพไท กล่าวอีกว่า สำหรับนายกฯคนกลางต้องเป็นคนที่เข้าได้กับทุกฝ่าย ไม่ใช่คู่ขัดแย้ง มีอยู่ด้วยกัน 4 คน  โดยสองคนเป็นองคมนตรีที่มีความสามารถเพียงพอ ได้แก่ 1.พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท องคมนตรี และอดีตผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) แม้เป็นทหาร แต่มีหลักประชาธิปไตยค่อนข้างชัดเจน 2.นายพลากร สุวรรณรัฐ องคมนตรี ที่ผ่านมาเป็นข้าราชการฝ่ายปกครอง มีประสบการณ์การปกครองค่อนข้างสูง เชื่อว่าจะนำพาประเทศได้  3.นายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา หรือ อังก์ถัด (UNCTAD) ที่ออกจากการเมืองไปแล้ว และมีความรู้ด้านเศรษฐกิจ ซึ่งตรงกับภารกิจของรัฐบาลแห่งชาติที่ต้องการแก้ไขปัญหาปากท้องของประชาชน  และ 4.นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งมาจากการเลือกตั้ง และถือเป็นบุคคลที่ทำงานภายในสภามานาน ทุกฝ่ายพอยอมรับได้

นายเทพไท กล่าวว่า  จากรายชื่อคนที่ไม่ค่อยเกี่ยวข้องกับการเมือง คือ พล.อ.เฉลิมชัย และนายพลากร ซึ่งจากการพูดคุยกับเพื่อนๆหลายคน เขาบอกว่าอยากได้นายกฯคนกลางที่มาจากพลเรือน แต่ไม่ได้แปลว่ารังเกียจพล.อ.เฉลิมชัย แต่กังวลถึงภาพลักษณ์ว่าจะเป็นการนำภายใต้ทหารอีกหรือไม่ แต่หากเป็นพลเรือนจะอธิบายกับสังคมและสังคมโลกได้ว่าเป็นรัฐบาลทีเป็นกลางจริงๆ และนำโดยพลเรือน ทำให้ตอนนี้น้ำหนักไปทางนายพลากรมากที่สุด อย่างไรก็ตาม เรายังมีเวลาอีกพอสมควรให้ถกเถียงจนตกผลึก บ้านเมืองต้องมีทางออก ไม่เจอทางตัน เพราะหากใช้มาตรา 44 ยกเลิกการเลือกตั้ง หรือศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ จะต้องกลับไปเลือกตั้งใหม่ เมื่อบรรยากาศการเลือกตั้งผ่านไปแล้ว และเห็นว่าทางออกของบ้านเมืองยังมีทางออกได้ ก็คือเรามาจับมือกันร่วมกันตั้งรัฐบาลแห่งชาติ.