กษ.เข้มชายแดนกัมพูชาห้ามขนผลิตภัณฑ์สุกรเข้าไทย
การเมือง

ทางด้านนายสัตวแพทย์จีระศักดิ์ พิพัฒนพงศ์โสภณ รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าวว่า ช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมาการตามด่านพรมแดนมีการสัญจรผ่านอย่างคับคั่ง จึงเพิ่มการประชาสัมพันธ์ให้ผู้เดินทางทราบถึงข้อกำหนดในการเฝ้าระวังโรคเพิ่มขึ้นด้วยสื่อต่างๆ ได้แก่ เสียงตามสายและประกาศที่ด่านพรมแดน ให้ปศุสัตว์จังหวัดและปศุสัตว์อำเภอทำความเข้าใจกับประชาชนงดการนำเนื้อสุกรและผลิตภัณฑ์จากกัมพูชาเข้ามาค้าขายหรือประกอบอาหาร อีกทั้งให้กองสารวัตรและกักกันจัดกำลังคนเพื่อช่วยในจุดที่ขาด ให้ตรวจค้นผู้เดินทางเข้าไทยเป็นรายบุคคล หาพบนำซากสัตว์และผลิตภัณฑ์สัตว์ให้ยึดของกลางที่ติดตัวมากับผู้เดินทาง แล้วใช้มาตรการทางการปกครองเช่น การกักตัว และ/หรือยึดบัตรผ่านแดนชั่วคราว (รายวัน) แต่หากลักลอบนำเข้าเพื่อขายให้จับกุมดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2558
"สำหรับการส่งออกสุกรไปกัมพูชานั้น ทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติซึ่งกำกับดูแลผู้ประกอบการส่งออกสุกรไปยังประเทศเพื่อนบ้านได้ให้เปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง เป็นการนำยานพาหนะขนถ่ายข้ามแดน ถ่ายสุกรส่งออกจากประเทศไทยที่บริเวณพรมแดน และห้ามนำรถภายในประเทศเข้าไปส่งสุกรในกัมพูชา พร้อมทั้งให้พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทั้งก่อน และหลังการขนส่ง ซึ่งจะได้ลงนามในบันทึกความเข้าใจระหว่างกรมปศุสัตว์และสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติในการควบคุมโรคและปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่งสุกร เพื่อให้การป้องกันโรคเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะได้ผลักดันให้ออกเป็นประกาศกรมปศุสัตว์เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทางกฎหมายต่อไป" รองอธิบดีกรมปศุสัตว์กล่าว
ในวันนี้รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ยังได้เชิญเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรรายย่อยในอำเภอตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา มาประชุมเพื่อสร้างการรับรู้ถึงสถานการณ์ของโรค ASF อีกทั้งให้ปฏิบัติตามระบบความปลอดภัยทางชีวภาพอย่างเคร่งครัด นอกจากนี้ยังได้ขอความร่วมมือในการแจ้ง หากพบความผิดปกติของสุกรในฟาร์ม ซึ่งทางสมาคมผู้เลี้ยงสุกรทั้ง 6 ภาคพร้อมจะจ่ายค่าชดเชยกรณีที่มีการแจ้งโรคเป็นครั้งแรก เป็นไปตามหลักของกรมปศุสัตว์ที่ต้องรู้โรคเร็ว ควบคุมโรคได้เร็ว เพื่อให้โรคสงบเร็วที่สุด.