ข่าวสธ.เอาจริง!ฟันคนก่อเหตุรุนแรงในรพ.ทุกกรณี - kachon.com

สธ.เอาจริง!ฟันคนก่อเหตุรุนแรงในรพ.ทุกกรณี
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 19 เม.ย.  นพ.ประพนธ์ ตั้งศรีเกียรติกุล รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงกรณีศาลจังหวัดนครพนม สั่งจำคุกวัยรุ่นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทในห้องฉุกเฉินของโรงพยาบาลนาแก จังหวัดนครพนม ว่า เรื่องนี้เกิดขึ้นนานแล้ว แต่นับเป็นครั้งแรกที่มีการสั่งตัดสินลงโทษตามกฎหมายอย่างออกมาให้เห็นอย่างเป็นทางการ ทั้งนี้ เรื่องการก่อเหตุรุนแรง ทะเลาะวิวาทในโรงพยาบาลนั้นเกิดขึ้นหลายครั้ง ถึงขั้นบุกยึดโรงพยาบาลก็มี ขอเรียนว่า 1. โรงพยาบาลเป็นสถานที่ราชการ และ 2. โรงพยาบาล กาชาด ตามหลักสากลจะเป็นสถานที่ที่ได้รับการละเว้นก่อเหตุรุนแรง ขนาดในยามศึกสงครามก็ยังเป็นจุดละเว้น ดังนั้นผู้ที่ก่อเหตุรุนแรงในโรงพยาบาลถือว่ามีความผิดแน่นอน

นพ.ประพนธ์ กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการสั่งการว่าให้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้ก่อเหตุรุนแรงในโรงพยาบาลทุกกรณีให้ถึงที่สุด ทั้งกรณีที่เข้ามาตีกันในโรงพยาบาล หรือกรณีที่กระทำความรุนแรงต่อบุคลากรในโรงพยาบาล ซึ่งปีนี้ตั้งแต่ต้นปี ถึงเทศกาลสงกรานต์ที่ผ่านมา มีการก่อเหตุทะเลาะวิวาท รุนแรงในโรงพยาบาล 4 เหตุการณ์ คือที่โรงพยาบาล อำเภอห้วยแถลง จังหวัดนครราชสีมา โรงพยาบาลบางสะพานน้อย จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โรงพยาบาลแก้งค้อ จังหวัดชัยภูมิ และ โรงพยาบาลกบินทร์บุรี จังหวัดปราจีนบุรี ซึ่งจะมีการดำเนินการทางกฎหมายทุกคดีแน่นอน เพื่อไม่ให้เป็นแบบอย่าง อย่าไปทำความรุนแรงในโรงพยาบาลอีก คิดจะทำอะไรขอให้นึกถึงผลที่ตามมาด้วย  ความผิดนี้ร้ายแรง

รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า  ทางกระทรวงเป็นห่วงบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาล โดยเฉพาะห้องฉุกเฉินที่ต้องทำงานบนความกดดัน ความหวังญาติผู้ป่วย เพราะฉะนั้นขณะนี้ก็ได้วางมาตรการสร้างระบบความปลอดภัยเอาไว้ ทั้งการกั้นห้องไม่ให้บุคลภายนอกเข้าไป ประตูห้องจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อเข้าหน้าที่เป็นคนเปิดเท่านั้น มีรปภ.ตลอด 24 ชั่วโมง มีการประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจเป็นระยะ ติดกล้องวงจรปิดอย่างแน่นหนา อย่างไรก็ตาม ส่วนหนึ่งอยากขอร้องด้วยว่า การมาห้องฉุกเฉินนั้นต้องเป็นเรื่องที่ฉุกเฉินจริงๆ แต่ความฉุกเฉินของประชาชน กับบุคลากรทางการแพทย์อาจจะแตกต่างกัน ทำให้เกิดเหตุกระทบกระทั่งกับเจ้าหน้าที่ หรือก่อความรุนแรงกับเจ้าหน้าที่ได้ อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ของเราจะต้องดูแลผู้ที่มีความวิกฤติมากกว่า อยากให้ประชาชนเข้าใจ หากเจ็บป่วยที่สามารถดูเองได้ก็ขอให้ดูแลตัวเองก่อน.