"ปิยบุตร"จี้กกต.รับรองส.ส.ตามกรอบ 60 วัน
การเมือง

"คนกลุ่มหนึ่งยังมีวิธีคิดที่ว่า เมื่อตัวเองเสียอำนาจแล้วจะต้องบอกว่า บ้านเมืองถึงทางตัน เพื่อตัวเองได้ครองอำนาจต่อ ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีทางตันทุกวัน คนกลุ่มนี้เสียอำนาจเมื่อไรก็บอกถึงทางตัน ถ้ามีอำนาจก็บอกไม่มีทางตัน เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ พอใครมาเรียกร้องก็บอกบ้านเมืองยังไปได้ต้องครองอำนาจต่อ พอจะคลายอำนาจแล้วตัวเองเสียอำนาจก็บอกถึงทางตันอีก"นายปิยบุตร กล่าว
เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวถึงกรณีที่กกต.ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า รัฐธรรมนที่ถูกออกแบบให้ทุกองค์กรมีอำนาจใช้และตีความรัฐธรรมนูญด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น การใช้และตีความไม่ได้ผูกขาดอยู่ที่ศาลรัฐธรรมนูญ การใช้และตีความมาตรานี้อยู่ในอำนาจของกกต. ดังนั้น กกต.ต้องบอกเอง ตัดสินใจเองว่าคำนวณแล้วจะได้กี่คะแนน ได้ส.ส.กี่คน ศาลรัฐธรรมนูญไม่ใช่ที่ปรึกษาขององค์กรไหน ต้องมีข้อพิพาทเกิดขึ้นก่อน กรณีนี้ส่งไปถาม ข้อแรกจึงเห็นว่าอันนี้ผิด ถ้าทำแบบนี้กันต่อไป ศาลรัฐธรรมนูญจะกลายเป็นซุปเปอร์รัฐธรรมนูญโดยตัวเอง เพราะจะเป็นคนบอกว่ารัฐธรรมนูญแต่ละข้อหมายความว่าอะไร ทุกองค์กรสงสัยอะไรก็ถามศาลรัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญบอกอะไรก็ถึงที่สุดหมด จะกลายเป็นซุปเปอร์รัฐธรรมนูญผู้ผูกขาดการตีความรัฐธรรมนูญทั้งหมด ซึ่งผิดระบบ สภาจะใช้รัฐธรรมนูญ ก็ต้องตีความเองใช้เอง กกต.จะใช้มาตรนี้ก็ต้องตีความเองใช้เอง รัฐบาลจะใช้ก็ตีความเองใช้เอง ไม่ใช่ทุกๆเรื่องบอกไม่รู้ ถามศาล แบบนี้ก็เท่ากับว่าศาลรัฐธรรมนูญใหญ่ที่สุดในรัฐธรรมนูญ พอชี้แล้วก็เป็นที่สุด ผูกพันทุกองค์กร อันนี้เสียระบบการแบ่งแยกอำนาจมาก
"ข้อสองมาตรานี้ไม่ได้มีปัญหาอะไรเลย หากอ่านตามรัฐธรรมนูญจะพบว่า มาตรานี้เขียนชัดแล้ว กฎหมายประกอบก็เขียนชัด ใครจะบอกมีสูตรไหนอีก ผมยืนยันมันไม่มีสูตรอื่น คำนวณแบบนี้ก็จบ จึงอยากให้ปิดตาก่อนอย่ามองพรรคไหนได้เท่าไร คุณเดินตามวงเล็บก็จะออกมาแบบนี้เลย ถัวกันแล้ว 71,000 คะแนน จะมีส.ส. พรรคที่ไม่ถึง ต้องถูกตัดออกจากการคำนวณ ปัญหาคือมันต้องเกิดก่อน แล้วมีคนไปร้องศาลรัฐธรรมนูญว่าขัด แต่นี่คุณเล่นไปถาม กกต.ที่มีอำนาจคุมการเลือกตั้งยังไม่วินิจฉัยเลย ต้องวินิจฉัยก่อนจะเอาแบบไหน ถ้าเป็นแบบนี้ก็ไม่รู้จะมีกกต.ไปทำไม ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญจัดการเลือกตั้ง" นายปิยบุตร กล่าว.