ข่าว"กฤษฏา"รื้อระบบนมโรงเรียน เน้นช่วยรายย่อย - kachon.com

"กฤษฏา"รื้อระบบนมโรงเรียน เน้นช่วยรายย่อย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 20 เม.ย.  นสพ.สรวิศ ธานีโต อธิบดีกรมปศุสัตว์ ในฐานะเลขานุการคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชน เปิดเผยว่า  จากการที่นายกฤษฎา บุญราช รมว.เกษตรและสหกรณ์ เร่งวางทั้งระบบใหม่อย่างโปร่งใสเป็นธรรมกับทุกฝ่าย เพื่อปฏิรูปโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน งบประมาณปีละ 14,000 ล้านบาท เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมทั่วประเทศ สามารถรองรับน้ำนมดิบตลอด 365 วัน วันละกว่า 1,100 ตัน ซึ่งเกณฑ์เดิมมีผู้ประกอบการ 67 ราย โดยจากนี้จะต้องไม่เกิดนมล้นระบบ และเด็กนักเรียนตั้งแต่อนุบาล-ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รวมจำนวนกว่า 7.3 ล้านคน ต้องบริโภคนมได้มาตรฐาน ตามข้อเสนอแนะให้ปรับปรุงระบบบริหารโครงการ ป้องกันผู้มีส่วนได้เสียมาเป็นณะกรรมการนม โดยสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้เสนอความเห็นไปยังคณะรัฐมนตรี (ครม.) ให้แก้ไขตั้งแต่ปี 2560 อีกทั้งป้องกันโควตากระจุกตัวผูกขาด ซึ่งแต่ละศูนย์รวบรวมนมดิบ ผู้ประกอบการ สถาบันเกษตรกร ต่างมีเรื่องกันไปฟ้องร้อง กองบังคับการปราบปราม ป.ป.ช. และศาลปกครอง เป็นจำนวนมากหลายคดีต่อเนื่อง ปัญหาซื้อขายโควตา นมข้ามเขต นมล่องหน ไซฟ่อนนม นมตกคุณภาพ

“การตั้งคณะกรรมการอาหารนมฯ ขึ้นมาใหม่เพื่อดูแลบริหารโครงการ แยกการจัดสรรสิทธิโควตาจำหน่ายนมออกจากคณะกรรมการโคนมและผลิตภัณฑ์นม (มิลค์บอร์ด) ให้กรมปศุสัตว์เป็นเลขานุการมิลค์บอร์ด แทนองค์การส่งเสริมกิจการโคนมแห่งประเทศไทย (อสค.)  เปลี่ยนมาใช้ข้อบังคับตามกฏหมายเกษตรพันธะสัญญา จะมีความผิดโทษแรง หากไม่รับซื้อน้ำนมดิบตามสัญญา  นอกจากนี้จะใช้บิ๊กดาต้าคุมศูนย์รวบรวมนมดิบ สหกรณ์ ผู้ประกอบการ เกษตรกร โรงเรียน องค์กรท้องถิ่น ต้องลงตัวเลขปริมาณนมที่รับจริงในทุกวัน โดยกรมปศุสัตว์จะจัดทำเชื่อมระบบสารสนเทศแบบเรียลไทม์ เพื่อให้ได้เห็นตัวเลขแท้จริงของทุกฝ่าย ถ้ามีการตีโป่งตัวเลขนม จะเห็นได้โดยเร็ว”นสพ.สรวิศ กล่าว

นสพ.สรวิศ กล่าวอีกว่า  ล่าสุด นายอนันต์ สุวรรณรัตน์ ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการฯ ลงนามในประกาศหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานโครงการนมโรงเรียน ปีการศึกษา 2562 ซึ่งจะได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนทุกระดับกลุ่มพื้นที่ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดใน 5 กลุ่มจังหวัดที่การเลี้ยงโคนมจำนวนมาก เป็นประธาน เร่งเปิดรับสมัครผู้ประกาศการจำหน่ายนมโรงเรียนระหว่างวันที่ 23-25 เม.ย.นี้ จากนั้นจะสรรสิทธิให้เสร็จภายในวันที่ 29 เม.ย.นี้ แล้วจัดสรรพื้นที่จำหน่ายนมภายในวันที่ 2 พ.ค.นี้  สำหรับการพิจารณาจัดสิทธิให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลุ่มพื้นที่และคณะอนุกรรมการบริหารกลางใช้หลักเกณฑ์ ดังนี้ การกำหนดปริมาณน้ำนมโคที่จะจัดสรรสิทธิการจำหน่ายให้คำนวณปริมาณจากจำนวนนักเรียนที่บริโภคนมโนโครงการให้เป็นไปตามจำนวนนักเรียนที่มีอยู่จริงในแต่ละกลุ่มพื้นที่ในรอบปีการศึกษาที่ผ่านมา โดยคำนวณจากจำนวนวัน 130 วันต่อภาคเรียน คนละ 1 ถุงหรือกล่องต่อวัน (200 มิลลิตร) ทั้งนี้ให้ปรับเพิ่มเพื่อชดเชยการสูญเสียจากกระบวนการแปรรูปประมาณร้อยละ 2 ของปริมาณน้ำนมโครวมที่ใช้ในการผลิตให้กับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมทุกราย

อธิบดีกรมปศุสัตว์ กล่าวว่า  ส่วนการจัดสรรสิทธิ์โควตานม จะนำประวัติการฝ่าฝืนในภาคเรียนที่ 2/2561 มาประกอบการพิจารณจัดสรรโดยสิทธิที่ได้รับต้องไม่มากกว่ากึ่งหนึ่งของสิทธิเดิมที่เคยได้รับในการจัดสรรในภาคเรียนที่ 2/2561 ให้ลำดับความสำคัญแก่ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่มีศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบซึ่งรับน้ำนมดิบจากสมาชิกของตนเอง หรือมีแผนการตลาดรองรับปริมาณน้ำนมดิบตลอด 365 วัน นำข้อมูลปริมาณน้ำนมโค กรณีรับน้ำนมโคจากศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบให้แนบสัญญาซื้อขายระหว่างเกษตรกรกับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบ และสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมกับศูนย์รวบรวมน้ำนมดิบและหรือหนังสือรับรองการใช้น้ำนมโค (แบบ นร.2) หรือ กรณีรับน้ำนมโคจากฟาร์มโคนมโดยตรงให้แนบสัญญาซื้อขายระหว่างผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมกับฟาร์มโคนม โดยฟาร์มโคนมต้องได้รับการรับรองมาตรฐานการผลิตผลิตภัณฑ์ (จีเอพี) จากกรมปศุสัตว์ ส่วนกรณีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เคยเข้าโครงการภาคเรียนที่ 2/2561 ยื่นสิทธิมากกว่า 5 ตันจะมีสูตรคำนวณรับรอง เช่นเดียวกับผู้ประกอบการใหม่ที่ไม่เคยเข้าโครงการนมโรงเรียนในเทอม 2/2561

นสพ.สรวิศ กล่าวอีกว่า ในการจัดสรรพื้นที่จำหน่ายนั้น ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์ที่ได้รับสิทธิน้อยกว่า 50,000 กล่อง-ถุง/วัน ให้จำหน่ายในพื้นที่ที่ตั้งในจังหวัดนั้นๆ หรือใกล้เคียงก่อน หากมีผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นม ในพื้นที่มากกว่า 1 รายให้จัดสรรสิทธิการจำหน่ายในพื้นที่นั้น โดยเฉลี่ยในจังหวัดนั้นกับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมที่เป็นสหกรณ์ขนาดเล็กหรือโครงการพระราชดำริฯ หรือสถาบันการศึกษาหรือผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมเอกชนรายเล็กในพื้นที่ก่อน  หากสิทธิในพื้นที่จังหวัดนั้นไม่เพียงพอ ให้พิจารณาสิทธิ์ในพื้นที่ใกล้เคียงให้เพิ่มเติม แต่ถ้ามีสิทธิในพื้นที่คงเหลือ ให้เฉลี่ยปริมาณที่เหลือในพื้นที่ให้ผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมรายอื่นที่ได้รับสิทธิมากกว่า 50,000 กล่อง-ถุงต่อวัน ในกรณีทีมีการจัดสรรสิทธิพื้นที่การจำหน่ายในระดับพื้นที่ 5 กลุ่มให้คณะอนุกรมการบริหารกลางเป็นผู้วินิจฉัยชี้ขาด.