ข่าว"ปิยบุตร"แจงยิบหุ้นปม"ธนาธร" วอนกกต.รับฟังอย่างยุติธรรม - kachon.com

"ปิยบุตร"แจงยิบหุ้นปม"ธนาธร" วอนกกต.รับฟังอย่างยุติธรรม
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 22 เม.ย. ที่พรรคอนาคตใหม่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่(อนค.) แถลงข่าวกรณีการถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ว่า นับตั้งแต่มีข่าวการโอนหุ้น 22 มี.ค.ที่ผ่านมานายธนาธรได้ชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษร ตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.แล้ว และถ้าใครเรียนวิชากฎหมายการโอนหุ้นและเห็นหลักฐานต่างๆเหล่านี้จะพบว่าเรื่องนี้ไม่มีอะไรสามารถจบได้ทันที แต่ยังมีสื่อสำนักบางสำนักยังคงเผยแพร่ข่าวอย่างต่อเนื่องและชี้นำมากเรื่อยๆ เริ่มมีการพาดหัวข่าวทำให้เรื่องนี้เป็นการทุจริต คอร์รัปชัน และการซุกหุ้น ทำให้อดสงสัยไม่ได้ว่า ข่าวแบบนี้ต้องการลดความน่าเชื่อถือและความชอบธรรมของพรรคหรือไม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพรรคอนาคตใหม่ได้คะแนน 6.3 ล้านเสียง และนายธนาธรประกาศตัวเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากเราใช้มาตรฐานการตรวจสอบของสื่อสำนักนี้ กับนักการเมืองที่มาจากการยึดอำนาจ นักการเมืองที่มาจากการรัฐประหารคงดีกว่านี้

นายปิยบุตร กล่าวว่า เมื่อมีคนไปแจ้งคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) พรรคอนาคตใหม่รวมถึงนายธนาธรได้เตรียมหลักฐานเพื่อชี้แจงต่อกกต.ตามกระบวนการ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจาก กกต. และเห็นว่ามีการเผยแพร่ข่าวว่าสำนักงานกกต. อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องนี้อยู่และบางสำนักได้เขียนข่าวขอให้กกต.มีมติให้ทันในวันที่ 9 พ.ค.ทำให้มีแรงกดดันไปที่กกต.มากขึ้น และสื่อสำนักนั้นยังรายงานโดยอ้างแหล่งข่าว กกต.ว่าวันนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมการช่วยตรวจสอบที่กกต.ตั้งขึ้นมา และจะมีมติในวันนี้หรือวันพรุ่งนี้

นายปิยบุตร กล่าวว่า พรรคกังวลใจว่าการพิจารณาของกกต. อาจขัดกฎหมายที่การพิจารณาจะต้องรับฟังทุกฝ่าย ไม่ใช่การพิจารณาเพียงเอกสารคำร้องที่สื่อรายงานเพียงอย่างเดียว คงจะไม่เกิดความเป็นธรรม นอกจากนี้ก่อนที่นายธนาธรจะเดินทางไปยุโรปได้เตรียมเอกสารและได้มอบอำนาจให้ตัวแทนทีมกฎหมายของพรรคไปยื่นเอกสารที่ กกต.และขอโอกาสเข้าไปชี้แจงแล้ว แต่จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการประสานจาก กกต.ทำให้พรรคต้องเปิดแถลงข่าวในวันนี้

ทั้งนี้ในรัฐธรรมนูญปี 2560 มาตรา 98 ห้ามไม่ให้ผู้สมัคร ส.ส. ถือครองหุ้นในกิจการสื่อมวลชน รวมถึงเมื่อเป็นส.ส.แล้ว ต่างจากรัฐธรรมนูญปี 2550 ที่ห้ามถือครองหุ้นเฉพาะตอนที่ได้รับตำแหน่งส.ส.แล้ว ซึ่งตนมองว่าข้อห้ามควรมีตอนที่มีอำนาจแล้ว เพราะตอนเป็นผู้สมัครไม่มีใครทราบว่าจะได้รับการเลือกตั้งหรือไม่ แต่เมื่อกฎหมายรัฐธรรมนูญก็ต้องปฏิบัติตาม เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เข้าไปครอบงำสื่อ ซึ่งนายธนาธรก็เตรียมตัวในเรื่องนี้มาเป็นอย่างดี และขออย่าสับสนปนเปตามสื่อบางสำนักรายงาน ว่าการถือครองหุ้นเป็นการเข้าไปแข่งขันกับสัมปทานของรัฐ

นายปิยบุตร กล่าวว่า การโอนหุ้นบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของนายธนาธร และนางรวิพรรณ จึงรุ่งเรืองกิจ ภรรยา ให้นางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ มารดาของนายธนาธรเสร็จสิ้นเสร็จตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค. ซึ่งมีเอกสาร เช็คขีดคร่อมการชำระค่าหุ้น ใบหุ้น และตราสารโอนหุ้น ที่แสดงว่ามีการโอนหุ้นจริง ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1129 วรรค 2 ระบุว่าการโอนหุ้นจะมีผลสมบูรณ์ด้วยการลงรายมือชื่อ ของผู้โอน ผู้รับโอน และพยาน ซึ่งแสดงว่ามีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายแล้ว และในมาตรา 1129 วรรค 3 ระบุว่า หากจะให้การโอนหุ้นจะมีต่อบุคคลภายนอก จะต้องมีการจดแจ้งในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ซึ่งการดำเนินการโอนหุ้นของนายธนาธร และภรรยา ไปยังนางสมพร ได้มีผลสมบูรณ์ทางกฎหมายเรียบร้อยแล้วนับตั้งแต่วันที่ 8 มี.ค.นายธนาธรจึงไม่ได้ถือหุ้นนี้อีกต่อไป แต่กรณีสื่อบางสำนักยังพยายามขุดคุ้ยและระบุว่า ในวันที่ 8 ม.ค. นายธนาธร ไม่ได้ร่วมประชุมผู้ถือหุ้นนั้น ข้อเท็จจริงคือ ในช่วงเช้านายธนาธรยังคงลงพื้นที่ในจ.บุรีรัมย์ และเดินทางกลับมากทม.ด้วยรถตู้ในช่วงบ่าย และมีหลักฐานในเสร็จ easy pass ในการเดินทางในช่วงเวลา 15.00 น. และนายธนาธรมีภารกิจเดินทางสนามบินดอนเมืองต่อไปยังจ.นครศรีธรรมราช ในวันที่ 9 ม.ค. ดังนั้นหลักฐานทั้งหมดนี้แสดงว่า ช่วงเช้าปราศรัยและช่วงบ่ายเดินทางกลับมาร่วมประชุม ข้อเท็จจริงนี้หวังว่าสื่อคงมีใจที่เป็นธรรมและกระจ่างชัด ไม่ควรที่จะตั้งข้อสงสัยอีก

เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวว่า จากนั้นในวันที่ 14 ม.ค.นางสมพรได้โอนหุ้นให้กับนายทวีและนายปิติ (นายเอและนายบี) ซึ่งเป็นหลานชายของนางสมพร เพื่อต้องการให้เข้ามาดูแลกิจการและติดตามหนี้สินจากลูกหนี้ค้างชำระ ตามที่ฝ่ายบัญชีของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด แนะนำว่า หนี้ค้างชำระน่าจะมีการติดตามทวงคืนได้ ยังไม่ให้ปิดบริษัท ทำให้ตั้งแต่วันที่ 14 ม.ค. บริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด กลับมามีผู้ถือหุ้น 10 คน

ต่อมาในวันที่ 18 ม.ค.น.ส.รวิพรรณ ได้ลงนามลาออกจากการเป็นกรรมการบริษัท และให้มีผลในวันที่ 19 ม.ค.ซึ่งมีการประชุมผู้ถือหุ้นโดยมีวาระ เรื่องแจ้งการลาออกของนายทวีและนายปิติ แจ้งการถือครองหุ้น และมีมติเลิกกิจการบริษัท เนื่องจากฝ่ายบัญชีพบว่า หนี้ที่มีอยู่เป็นหนี้ NPL หรือหนี้เสีย กว่า 11 ล้านบาท จึงตัดสินใจมีมติปิดบริษัท จากนั้นในวันที่ 21 ม.ค.นายทวีและนายปิติ รวมถึงผู้ถือหุ้นอีก 3 คน ได้โอนหุ้นคืนให้กับนางสมพรให้มีอำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารบริษัท ทำให้เหลือหุ้นเพียง 5 คน จากนั้นวันที่ 21 มี.ค. ทางบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ได้นำเอกสารไปยื่นต่อกรมธุรกิจการค้า ตาม มาตรา 139 วรรค 2 ที่กำหนดให้ยื่นสำเนาบัญชีผู้ถือหุ้นปีละ 1 ครั้ง ภายหลังจากการประชุมสามัญในวันที่ 19 มี.ค.

"เรื่องนี้ควรจบตั้งแต่ 8 ม.ค. ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจอีกแล้ว หุ้นไม่อยู่ในมือคุณธนาธรอีกแล้ว แต่ในเมื่อยังสืบสาวราวเรื่อง พรรคก็ต้องชี้แจงต่อ และในการตามสืบเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลของเอกชนไปได้ แต่ในเมื่ออยากจะตรวจสอบก็เอาไปดูกัน และพยานหลักฐานก็ชัดเจนทั้งหมด" นายปิยบุตร กล่าว


นายปิยบุตร กล่าวว่า เราทราบดีพรรคก่อตั้งมายึดในนโยบาย สิทธิ เสรีภาพ และการแสดงออก โดยเฉพาะเสรีภาพของสื่อมวลชนคือหัวใจสำคัญของระบอบประชาธิปไตย และพร้อมให้สื่อมวลชนตรวจสอยในฐานะบุคคลสาธารณะ แต่สื่อมวลชนมีภารกิจสำคัญในการแสวงหาข้อเท็จจริงอนนำมาเผยแพร่ แต่จะต้องไม่พยายามเอาข้อเท็จ มาทำให้คนเชื่อว่าเป็นความจริง ตั้งแต่เราตั้งพรรคอนาคตใหม่ขึ้นมา เราถูกกล่าวหา โจมตีมาโดยตลอดจนถึงวันนี้ พรรคอนาคตใหม่เป็นพรรคตั้งขึ้นมาด้วยความปรารถนาดีกับ ชาติ บ้านเมือง เราจึงรวมตัวกันเพื่อหวังจะออกจากความขัดแย้งแบบเดิม เดินหน้าไปสู่อนาคตแบบใหม่ 

“เราไม่ได้เป็นศัตรูกับใคร หากจะขัดแย้งเป็นพิเศษ ก็เป็นกับอำนาจเผด็จการเท่านั้น ถ้าบ้านเมืองต้องการเป็นประชาธิปไตยเราจำเป็นต้องขัดแย้งเผด็จการ เราไม่ได้ต้องการล้มนู่น ล้างนั่นใดๆทั้งสิ้น แต่ทุกอย่างเราทำเพราะความปรารถนาดีต่อชาติบ้านเมือง คนวัยหนุ่มสาว เขาฝันที่จะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ คนวัยกลางคน ฝันว่าลูกหลานจะมีอนาคตที่ดีกว่านี้ และคนวัยกลางคนก็หวังที่จะมอบสังคมที่ดีแก่ลูกหลานของเขาต่อไป ขอความร่วมมือสื่อมวลชนบางสำนัก อย่าวาดภาพ จนทำให้นายธนาธร หรือตัวผม หรือตัวพรรคอนาคตใหม่ กลายเป็นปีศาจร้ายของการเมืองไทย วิธีแบบนี้ไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง ไม่ใช่ทางออกทางการเมืองได้ เราทำแบบนี้กันมาหลายครั้ง อ.ปรีดี พนมยงค์ โดนนักการเมืองบางคนบางกลุ่มวาดภาพเป็นปีศาจร้าย ขอความกรุณาอย่าทำแบบนี้ เพราะมันไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้เลย ความเห็นต่างทางการเมืองเป็นเรื่องปกติ” นายปิบุตร กล่าว 

เมื่อถามว่า เกรงว่า กกต.จะประวิงเวลาในการตรวจสอบจนไม่สามารถรองรับสถานะ ส.ส. ของ นายธนาธร ในวันที่ 9 พ.ค. หรือไม่ นายปิยบุตร กล่าวว่า หากพิจารณาด้วยจิตใจเป็นธรรม เมื่อเห็นหลักฐานการโอนหุ้นในวันที่ 8 ม.ค. เห็นแค่นี้ต้องมีมติทันทีแล้วว่า เรื่องนี้ไม่มีมูล จากหลักฐานต่างๆครบถ้วน และไม่มีเหตุผลอื่นใดเลยที่ต้องตั้งคณะกรรมการช่วยตรวจสอบ นอกจากนี้การที่ทางคณะกรรมการดังกล่าวไปขอหลักฐานตามหน่วยงานๆ ตามที่ปรากฎออกมาเป็นข่าว แต่ผู้ถูกกล่าวหากลับยังไม่ได้รับโอกาสชี้แจงเลย ทั้งที่เรื่องนี้ควรจบไปตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งเราต้องขอความเป็นธรรมในการนำเอกสารหลักฐานจากทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพิจารณาด้วย

เมื่อถามว่าได้เผื่อใจไว้หรือไม่ว่า นายธนาธร อาจไม่ได้เป็น ส.ส. นายปิยบุตร กล่าวว่า ไม่เคยกังวล หากบ้านเมืองนี้ปกครองกันโดยยึดกฎหมาย และความยุติธรรมอย่างแท้จริง หากองค์กรที่ชื่อว่าเป็นองค์กรอิสระ เป็นอิสระอย่างแท้จริง

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากกกต.มีมติออกมา เป็นใบส้ม จากกรณีดังกล่าว ทางพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป นายปิยบุตร กล่าวว่า เรามั่นใจ ว่า กกต.เป็นธรรม เช่นเดียวกับเอกสารหลักฐานทั้งหมด เรียนง่ายๆว่า ให้สื่อมวลชนไปถามผู้เชี่ยวชาญที่เขียนกฎหมายหุ้นส่วน ปัญหาคือ ที่ผ่านมามีสื่อบางสำนักเสนอข่าวนี้อยู่ฝ่ายเดียว เนื้อหาข้อเท็จจริงก็ไม่ได้มีอะไรเยอะ แค่พาดหัวคนละแบบกันในแต่ละวัน จนคนสับสนว่าเรื่องนี้คือเรื่องอะไร แต่เราก็แน่ใจว่าจะไม่โดนใบส้มอะไรทั้งสิ้น

นายปิยบุตร กล่าวถึงกรณีร.อ.ทรงกลด ชื่นชูผล หรือ ผู้กองปูเค็มเข้ายื่นหนังสือถึง กกต. เพื่อขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติการถือหุ้นบริษัทว่าที่ส.ส. และสมาชิกพรรคการเมืองเนื่องจากยังถือครองหุ้น บริษัทที่จดทะเบียนประกอบธุรกิจ ด้านสื่อสารมวลชน ว่า ที่มีบุคคลไปยื่นเรื่องให้กกต.กรณีขอให้ตรวจสอบ ผู้สมัครส.ส. หรือ ว่าที่ส.ส.กว่า 30 คน ทั้งหมดนั้นเป็นนักการเมืองของพรรคการเมืองที่ผนึกกำลังต่อต้านการสืบทอดอำนาจ ของ คสช. ทั้งสิ้น ซึ่งขอให้พิจารณาว่าผู้ยื่นมีเจตนาแบบใด หากคุณเป็นนักตรวจสอบมืออาชีพ ทำไม่ถึงไม่ตรวจสอบพรรคที่สนับสนุนการสืบทอดอำนาจของ คสช.ด้วย ข้อกฎหมายที่ไปยื่นกันในมาตรา 98 วรรค 3 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส.มาตรา 42(3) เกี่ยวกับลักษณะต้องห้ามการถือหุ้นสื่อ ข้อความระบุว่า ห้ามผู้สมัครส.ส. เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้น ของกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนอื่นใด หมายถึง การประกอบกิจการเหล่านี้จริงๆ แต่ทุกวันนี้ที่มีการตรวจสอบกันคือ ไปเอาหนังสือบริคณห์สนธิ ที่ผู้สมัคร ส.ส.ไปดูสัก 1 วงเล็บ ว่ามีข้อไหนที่ระบุว่า ทำกิจการสื่อมวลชนบ้าง หากมีข้อนั้นก็ไปร้องเรียนทันที


อย่างไรก็ตามช่วงเช้าที่ผ่านมา  นายวรวุฒิ บุตรมาตร ตัวแทนฝ่ายกฎหมายพรรคอนาคตใหม่ พร้อมทีมทนายความของพรรค เข้ายื่นหนังสือที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อชี้แจงข้อเท็จจริงกรณี การถือหุ้นในบริษัท วี-ลัค มีเดีย จำกัด ของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ โดย นายวรวุฒิ กล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับการเดินทางมาวันนี้ (22 เม.ย.) เพื่อเข้ามาขอให้ถ้อยคำ กับเจ้าหน้าที่ของ กกต.เกี่ยวกับข้อมูลการถือหุ้น เนื่องจากเห็นว่ากกต.พยายามจะปิดสำนวนคำร้องนี้ภายในวันที่ 9 พ.ค. ซึ่งหากไม่มีผู้เกี่ยวข้องเข้ามาให้ข้อมูล ก็จะเร็วเกินไปในการปิดคดี ทั้งนี้ยืนยันว่าการดำเนินการทุกอย่าง เป็นไปตามกฏหมายทุกประการ ไม่สามารถทำให้ถูกกฎหมายกว่านี้ได้แล้ว ซึ่งในวันนี้ตนได้นำหลักฐาน ทั้งตราสารโอนหุ้น เช็กชำระค่าหุ้น และหลักฐานประกอบทางกฎหมาย มาเข้าให้ข้อมูลด้วย

"กรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า ในวันโอนหุ้นเมื่อวันที่ 8 ม.ค. 2562 นายธนาธร ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดบุรีรัมย์นั้น ซึ่งผมขอยืนยันว่า เมื่อวันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา ธนาธร อยู่ที่จังหวัดบุรีรัมย์จริง แต่อยู่เฉพาะช่วงเช้า จากนั้นได้เดินทางกลับมากรุงเทพมหานคร เพื่อทำการโอนหุ้นในช่วงเย็น" นายวรวุฒิ กล่าว.