แนะพรรคการเมืองนั่งถกนโยบายดีกว่าต่อรองตำแหน่ง
การเมือง
อย่างไรก็ตามตนมองว่าความขัดแย้งที่เห็นอยู่ตอนนี้แต่ละพรรคการเมืองควรมานั่งพูดคุยกันในแง่ของข้อต่อรองในส่วนของนโยบายที่จะต้องดำเนินการมากกว่าการต่อรองตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ควรเดินหน้าตามที่ตกลง แล้วช่วยกันประคับประคองในช่วงเปลี่ยนผ่านอย่างน้อยก็ต้อง 2 ปี โดยเฉพาะการเปิดกว้างเรื่องการมีส่วนร่วม ก่อนหน้านี้ที่มีการเชิญพรรคการเมืองมาทำสัญญากันนั้น มี 3 ด้านที่ต้องทำให้ได้ 1.ปรองดอง 2.กระจายอำนาจ และ 3. แก้ปัญาความขัดแย้ง 3 จังหวัดชายแดนใต้ หากทำได้ตามกรอบที่มาลงนามกันคิดว่าความขัแย้งไม่น่าถึงขั้นแตกหัก
ศ.ดร.อมรา พงศาพิชญ์ อดีตประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) กล่าวว่า การต่อสู้ทางการเมืองกันในตอนนี้ซึ่งมีการนำวาทกรรมประชาธิปไตย กับเผด็จการเข้ามาเพื่อใช้ในการช่วงชิงพื้นที่ แต่จะพบว่าต่างฝ่ายต่างก็พูดแค่ครึ่งเดียว ตีความทั้ง 2 คำแค่ครึ่งเดียว เพราะฝ่ายที่ถูกมองว่าเป็นเผด็จการ ก็มีบางส่วนที่เขาไม่ได้เผด็จการ เช่นเดียวกับกลุ่มที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยก็มีบางโอกาสที่ไม่ได้เป็นประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน พอเอา 2 คำมาสู้กัน เถียงกันไปเถียงกันมา ตนมองว่าใครอยากพูด อะไรก็พูด แต่อย่าให้นำไปสู่ความรุนแรง เพราะความต่างทำให้เกิดการถ่วงดุล และก้าวไปข้างหน้าได้ ซึ่งวันนี้มันปรองดองกันไม่ไหว แต่สิ่งสำคัญคือจะอยู่ด้วยกันได้โดยยอมรับความแตกต่างกันได้หรือไม่ และจากนโยบายต่างๆ ที่พรรคการเมืองออกมาเพื่อเรียกคะแนนนั้นตนเห็นว่ามีสิ่งที่ดีหลายอย่าง โดยเฉพาะนโยบายด้านสังคมที่อย่างน้อยก็ไม่ได้เป็นประชานิยมจ๋า ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ควรนำไปสานต่อ.