ข่าวอย.เตรียมแท็กทีมเครือข่ายด้านกัญชา26เม.ย.นี้ - kachon.com

อย.เตรียมแท็กทีมเครือข่ายด้านกัญชา26เม.ย.นี้
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รมว.สาธารณสุข กล่าวถึงความร่วมมือระหว่างกรมการแพทย์และมหาวิทยาลัยรังสิต ในการวิจัยสารสกัดกัญชายับยั้งเซลล์มะเร็งปอดในคน ทั้งใน รพ.ราชวิถี รพ.เลิดสิน รพ.นพรัตนราชธานี และสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ว่า กระทรวงยินดีเรื่องงานวิจัย ทุกแห่งสามารถขอทำวิจัยได้ แต่การจะผลิตออกมาเป็นยาก็ต้องดำเนินการตามกฎหมาย คือ ช่วง 5 ปีแรกที่ต้องร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ ซึ่งตรงนี้เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์  สำหรับกรณีการจัดทำขนมไทยผสมกัญชาส่งขายต่างประเทศนั้น หากเป็นการผลิตและทำขายในประเทศที่กฎหมายอนุญาตก็สามารถทำได้ ซึ่งมีไม่กี่แห่ง แต่ในประเทศไทย พ.ร.บ.ยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2562 ยังคงอนุญาตใช้กัญชาเพื่อทางการแพทย์เท่านั้น ซึ่งถือเป็นประเทศแรกๆ ในภูมิภาคอาเซียน จึงอยากให้ใช้ประโยชน์ในเรื่องทางการแพทย์รักษาโรคให้เต็มที่ก่อน อย่าเพิ่งกระจายภาคส่วนอื่น แต่อาจเตรียมการไว้ได้ แต่ไม่ใช่ในระยะนี้แน่นอน อาจเป็นอีกหลายปีข้างหน้า

นพ.ปิยะสกล กล่าวต่อว่า กัญชามีสารสำคัญ 2 ชนิด คือ ทีเอชซี และ ซีบีดี โดยสารที่เอชซีมีฤทธิ์ทำให้ติดและมึนเมา คล้ายสารเสพติด ส่วนซีบีดีมีประโยชน์ทางการแพทย์ ใช้ในการรักษาโรคสมอง โรคลมชัก ซึ่งในต่างประเทศที่ใช้กัญชาก็อนุญาตสารซีบีดี ทั้งนี้ กัญชามีทั้งข้อดีและข้อเสีย มิเช่นนั้นทั่วโลกคงไม่ประกาศเป็นยาเสพติด แต่เราได้โอกาสที่กฎหมายเปิดช่องให้ใช้ในเรื่องของการรักษาได้ ส่วนเรื่องของสันทนาการก็ต้องระวัง เพราะอย่างในสหรัฐอเมริกา รัฐโคโลราโด ที่เปิดให้ใชเสรี พบว่ามีอุบัติเหตุจราจรสูงขึ้น ทั้งจากเมาเหล้าและเมากัญชา

ด้าน นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) กล่าวว่า ขณะนี้มีหน่วยงานรัฐที่มาขอปลูกกัญชาทางการแพทย์ คือ 1.องค์การเภสัชกรรม 2. กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ร่วมกับศูนย์พันธุวิศวกรรมและเทคโนโลยีชีวภาพแห่งชาติ(ไบโอเทค) ภายใต้สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ(สวทช.) กำลังดำเนินการขออนุญาต และ 3. มหาวิทยาลัยรังสิต อยู่ระหว่างดำเนินการขอ นอกจากนี้ ยังมีหลายแห่งสนใจด้วย ทั้งนี้ ในวันที่ 26 เม.ย. ทางอย.จะมีการหารือจับคู่ความร่วมมือกันระหว่างกลุ่มคนจิตอาสาที่มีองค์ความรู้ในการใช้กัญชาทางการแพทย์ กลุ่มผู้ป่วยที่ได้ใช้เข้ามาสู่กระบวนการวิจัย  

ด้าน ภญ.นันทกาญจน์ สุวรรณปิฎกกุล นักวิจัยองค์การเภสัชกรรม กล่าวว่า ขณะนี้ อภ.ยังให้การสนับสนุนมหาวิทยาลัยนเรศวร ในการวิจัยแยกสารและจัดทำสารมาตรฐาน เพื่อนำมาใช้ในการวิเคราะห์และคำนวณเพื่อให้ทราบปริมาณสารสำคัญของผลิตภัณฑ์ตัวอย่าง ทั้งวัตถุดิบกัญชาแห้ง สารสกัดกัญชา ผลิตภัณฑ์จากกัญชา เป็นต้น ซึ่งการวิจัยครั้งนี้เป็นการทำคู่ขนาน เพราะปัจจุบัน อภ.มีสารมาตรฐานจากการนำเข้า แต่หากงานวิจัยนี้สำเร็จจะทำให้ไม่ต้องนำเข้า และใช้ผลงานวิจัยจากนักวิจัยไทยของเราเอง เป็นการสนับสนุนงานวิจัยของไทย ซึ่งตรงนี้เป็นการทำงานในลักษณะเครือข่ายร่วมกัน.