กกต.เร่งรวมสูตรคำนวณส.ส. ยันประกาศทัน9พ.ค.นี้
การเมือง

นายแสวง กล่าวต่อว่า ในส่วนของสำนักงาน กกต. การคำนวณตามแบบของกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ถือเป็นทางเลือกหนึ่งของ กกต. เพราะวิธีการนี้ได้เสนอมาตลอด 2 ปี ไม่เคยมีการโต้แย้ง รวมทั้งได้มีการเผยแพร่พรรคการเมืองที่ได้ติดตามก็น่าจะทราบสูตรอยู่แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีผลคะแนนการเลือกตั้งออกมา แต่เมื่อมีการเลือกตั้งออกมาแล้ว และมีการเอาผลคะแนนไปคิดตามวิธีการดังกล่าว โดยที่ทาง กกต. ได้กำชับให้ไปทบทวนถึงสูตรและกลับมานำมาเสนอ กกต. ด้วย สำหรับกรอบเวลาเรื่องนี้คงต้องดำเนินการโดยเร็ว เพราะถึงอย่างไรวันที่ 9 พ.ค.นี้ ทางกกต. ต้องประกาศส.ส.ทั้งสองระบบไม่น้อยกว่าร้อยละ 95 ส่วนที่ก่อนหน้านี้ กกต. ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่ามาตรา 128 ของพ.ร.ป.ส.ส.ขัดกับมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ เมื่อศาลวินิจฉัยว่าเป็นอำนาจ กกต. เราจะพยายามหาสูตรที่ไม่ขัดกฎหมาย และหากหาได้ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นพูดเรื่องกฎหมายลูกขัดกับรัฐธรรมนูญ ส่วนเมื่อกกต.ประกาศผลการเลือกตั้งแล้ว มีผู้ที่เห็นว่าการคำนวณจัดสรร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ไม่ถูกต้องก็มีสิทธิไปร้องต่อศาลได้
นายแสวงกล่าว อีกว่า ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่า กกต. มีอำนาจตรวจสอบคุณสมบัติหรือลักษณะต้องห้ามหลังวันเลือกตั้งได้หรือไม่ หรือทำไมไม่ตรวจสอบให้เสร็จสิ้นในวันรับสมัครเลือกตั้งในคราวเดียว นั้นเรื่องคุณสมบัติวันสมัครรับเลือกตั้ง กกต.สามารถตรวจสอบคุณสมบัติได้ เพราะมีเอกสารรับรองหรืออ้างอิงทุกรายการ ส่วนลักษณะต้องห้าม กกต. จะตรวจสอบได้เพียงจากข้อมูลของหน่วยรัฐ ซึ่งมี 23 หน่วยงาน แต่ถ้าเป็นข้อมูลอยู่ในความครอบครองของเอกชน กกต.ไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงต้องให้ผู้สมัครรับรองตัวเอง หากภายหลังปรากฏว่าเป็นผู้มีลักษณะต้องห้าม เป็นเหตุฝ่าฝืนกฎหมายเลือกตั้ง กกต. มีอำนายดำเนินการไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังเลือกตั้ง หรือวันประกาศผลการเลือกตั้ง ซึ่งกรณีนายธนาธร จึงรุ่งเรือง หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นกรณีที่มีผู้ร้องว่าอาจมีการกระทำฝ่าฝืนกฎหมายและพรรคการเมือง จึงต้องดำเนินการตามหน้าที่และอำนาจให้สิ้นกระแสข่าว
นายแสวง กล่าวอีกว่า การที่มีข้อสังเกตกรณีที่ กกต. สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ และสั่งนับคะแนนใหม่ และสั่งระงับสิทธิผู้มีสิทธิเลือกตั้งไว้ชั่วคราวว่า กกต.ไม่ได้กำหนดหลักเกณฑ์วิธีการหาเสียงให้แก่ผู้สมัครและพรรคการเมือง ทำให้ผู้สมัครหรือพรรคการเมืองไม่มีแนวทางในการปฏิบัติกับเรื่องดังกล่าวนั้น กรณีนี้กกต.ได้ออกระเบียบกกต.ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้ง ส.ส.ออกตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. มาตรา 71 กรณีการให้ เสนอให้ หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ทรัพย์สิน ไม่ว่าจะโดยตรง หรือโดยอ้อมแก่ผู้ใด ชุมชน สมาคม มูลนิธิ วัด สถานศึกษา สถานสงเคราะห์ หรือสถาบันใด รวมถึง มาตรา 73 กำหนดไว้ว่า การช่วยเหลือเงิน หรือทรัพย์สิน หรือประโยชน์อื่นใดอันอาจคำนวณเป็นเงินได้ แก่ผู้ใดตามประเพณีต่างๆ กระทำมิได้ โดยกกต. ได้มีหนังสือตอบข้อหารือของพรรคการเมืองที่ได้มีหนังสือหารือ เกี่ยวกับวิธีปฏิบัติตามข้อดังกล่าว และแจ้งให้พรรคการเมืองทราบพร้อมทั้งเผยแพร่ในเว็บไซต์ของสำนักงานเป็นการทั่วไปก่อนการเลือกตั้งแล้วด้วย.