ข่าวนักวิชาการชี้เลือกตั้ง62วุ่นสุด! หวั่นปมหุ้นนำสู่การเคลื่อนไหว - kachon.com

นักวิชาการชี้เลือกตั้ง62วุ่นสุด! หวั่นปมหุ้นนำสู่การเคลื่อนไหว
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 25 เม.ย. รศ.ดร.ยุทธพร อิสรชัย อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวว่า จากเหตุการณ์ใหญ่ทางการเมืองที่เกิดขึ้นทั้งการที่ศาลรัฐธรรมนูญไม่รับตีความสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ กรณีผู้ตรวจการแผ่นดำรับคำร้องพิจารณาเรื่องการส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความการเลือกตั้งเป็นโมฆะ และกรณีคดีถือหุ้นในบริษัทสื่อของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รวมถึงกรณีแจกใบส้มผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย จะส่งผลให้การประกาศรับรองผลเกิดได้แต่อาจจะมีปัญหาตามมา ทั้งส.ส.บัญชีรายชื่อมีการเปลี่ยนแปลง ส่งผลต่อการจัดตั้งรัฐบาล ในสภาวะรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะมีผลมาก วันนี้เสียงพรรคเล็กจึงเป็นตัวชี้ขาด อย่างการคำนวณสูตรส.ส. กกต. ต้องตีความให้เป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งต้องให้ได้สูตรภายในสัปดาห์หน้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะจบเพราะหลังประกาศรับรองผลการเลือกตั้งวันที่ 9 พ.ค.แล้วอาจจะมีการฟ้องร้องมาอีกเพราะจะมีผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากการคำนวณรายชื่อ

ดังนั้นตนมองว่าการเมืองไทยตอนนี้ออกมาได้ 5 รูปแบบคือ 1. จัดตั้งรัฐบาลได้ ทั้งเสียงข้างมาก สว.ร่วมโหวตเกิน 376 เสียง ถือว่าราบรื่น 2. เลือกนายกรัฐมนตรีได้ แต่เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพในระยะยาว 3. รวมเสียงในสภาได้เกินกึ่งหนึ่ง แต่ไม่สามารถเลือกนายกฯ ได้ หากเป็นเช่นนี้ เมื่อถึงวันที่รัฐสภาสมบูรณ์มีทั้ง ส.ส. และส.ว. เรียบร้อยหมายความว่าสนช.ต้องสิ้นสภาพไปตามผลของรัฐธรรมนูญ ถึงจุดนั้นรัฐบาลที่คงอยู่ก็ตั้งรัฐบาลใหม่ไม่ได้ สภาก็ต้องอยู่กับรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อความขัดแย้งฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติจะเกิดขึ้นอย่างชัดเจน ยิ่งเลือกประธานสภาที่มาจากพรรคที่ไม่ได้อยู่ในขั้วสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ยิ่งมีปัญหา 4. การเกิดรัฐบาลแห่งชาติ เพราะมีเงื่อนไข และปัจจัยเอื้ออำนวย และ 5.การเลือกตั้งเป็นโมฆะ ซึ่งมีโอกาสเนื่องจากผู้ตรวจการแผ่นดินรับเรื่องแล้ว

อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ทางการเมืองที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่ปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น แต่ยังส่งผลถึงความไม่พอใจของประชาชนด้วย ตนมองว่าในระยะสั้นคงไม่มีปัญหาความรุนแรง แต่ระยะยาวมีโอกาสสะสมปัญหานำสู่การเคลื่อนไหวได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าสุดท้ายนายธนาธร หรือว่าพรรคอนาคตใหม่ต้องประสบปัญหาทางการเมือง และอาจจะไปถึงขั้นร้ายแรงที่สุดคือยุบพรรค ส่วนตัวธนาธรอาจจะถึงขั้นจำคุกพร้อมตัดสิทธิ อันนี้คือสิ่งที่ร้ายแรงที่สุด นำไปสู่โอกาสการเคลื่อนไหวระยะยาว ส่วนระยะสั้นเชื่อว่าไม่น่ามี คสช.น่าจะยังคุมสถานการณ์ได้อยู่ ณ วันนี้ อีกทั้งผลของนายธนาธรและพรรคอนาคตใหม่ยังไม่ออกมา

“ผมมองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้น่าจะเป็นการเลือกตั้งที่มีความวุ่นวายที่สุด เพราะก่อนหน้านี้การเลือกตั้งที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากคือปี 2500 สมัยจอมพล.ป.พิบูลย์สงคราม และนำสู่การรัฐประหาร แต่ครั้งนี้มีปัจจัยที่เกี่ยวข้องเยอะ ทั้งปัจจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพของคน การเปลี่ยนรุ่นของคน ทำให้ทัศนคติ มุมมอง ความคิด ความเชื่อ ค่านิยมทางการเมืองเปลี่ยนด้วย นอกจากนี้สภาพแวดล้อมอื่นๆ ทั้งเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคม ซึ่งสะท้อนออกมาผ่านผลการเลือกตั้งครั้งนี้ สุดท้ายไม่สามารถทำให้การเลือกตั้งมีข้อยุติได้ ทั้งที่จริงๆ แล้วการเลือกตั้งเป็นการยุติปัญหาด้วยสันติวิธี แต่วันนี้ปัญหากลับไม่ยุติ และไม่เกิดการอมรับร่วมกัน สุดท้ายไม่เกิดความเห็นร่วมของคนในสังคม ซึ่งเป็นเรื่องที่สืบเนื่องจากกติกาใหญ่คือรัฐธรรมนูญ” รศ.ดร.ยุทธพร กล่าว.