"บิ๊กตู่" ชม"สีจิ้นผิง"เริ่มยุทธศาสตร์เส้นทางสายไหม
การเมือง
พล.ท.วีรชน กล่าวต่อว่า นายกฯ ย้ำว่าไทยให้ความสำคัญกับการขยายความเชื่อมโยงของอาเซียนกับภูมิภาคและโลก โดยไทยอยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินการเพื่อยกระดับความเชื่อมโยงทางด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้งภายในประเทศ รวมทั้งโครงการเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการแม่แบบในการสร้างฐานเพื่อเชื่อมโยงไทยกับประเทศเพื่อนบ้านและภูมิภาคใกล้เคียง ซึ่งในการประชุมครั้งนี้มีการลงนามโครงการความเชื่อมโยงระหว่างไทย-ลาว-จีน เพื่อเชื่อมต่อระหว่างหนองคาย-เวียงจันทน์ ซึ่งก็จะสนับสนุน BRI ด้วย นอกจากนี้ นายกฯ ยังให้ข้อคิดเห็นว่า ควรส่งเสริมศักยภาพในการแข่งขันและขยายตลาดให้ภาคธุรกิจ ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก และการจัดตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำประเทศไทยในการขยายตลาด โดยเชื่อมั่นว่าภาคเอกชนจะเป็นกลไกสำคัญ
พล.ท.วีรชน กล่าวอีกว่า พร้อมกันนี้นายกฯ แสดงความชื่นชมจีนที่เป็นผู้ริเริ่มการจัดตั้งธนาคารเพื่อการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแห่งเอเชีย (AIIB) และกองทุน Silk Road Fund จึงขอเชิญจีนและมิตรประเทศที่สนใจเข้าร่วมเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนาด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ผลประโยชน์ของการเชื่อมโยงจะต้องตกอยู่กับพลเมืองมากที่สุด จึงควรเน้นการพัฒนาศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ เพื่อเตรียมความพร้อมต่อการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 และเทคโนโลยีที่พัฒนาไปอย่างรวดเร็ว เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของพลเมืองและกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค อย่างไรก็ตาม นายกฯ เชื่อมั่นว่าทุกประเทศจะสามารถร่วมมือกันส่งเสริมความเชื่อมโยงตามเจตนารมณ์ของยุทธศาสตร์ BRI เพื่อนำมาซึ่งสันติภาพ ความมั่งคั่งและการพัฒนาที่ยั่งยืนต่อภูมิภาคและต่อโลกต่อไป
ในวันเดียวกันนี้พล.อ.ประยุทธ์ได้โพสต์ภาพถ่ายรูปคู่ขณะจับมือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง พร้อมข้อความใต้ภาพผ่านอินสตราแกรม ชื่อ “prayutofficial” พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศไทยต้องไปต่อ....มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน #เดินหน้าประเทศไทย” ขณะเดินทางไปปฏิบัติราชการ เข้าร่วมการประชุมเวทีข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง ครั้งที่ 2 ที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ 26-27 เม.ย. โดยนายกฯ มีกำหนดเดินทางกลับดึงประเทศไทยในวันนี้เวลา 18.10 น.