จ่อร้องว่าที่ส.ส."พท.-พปชร." ถือครองหุ้นสื่อ2พ.ค.นี้
การเมือง

นายศรีสุวรรณ กล่าวว่า จากที่ตนตรวจสอบกับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่า มีผู้สมัครรับเลือกตั้งและว่าที่ ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่จำนวน 11 ราย ปรากฏเป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชน ประกอบไปด้วย 1.นายธัญญ์วาริน สุขะพิสิษฐ์ ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 9 เป็นกรรมการบริษัท แอมฟายน์ โปรดักชั่น จำกัด และกรรมการบริษัท เฮด อัพ โปรดักชั่น จำกัด 2.นายวินท์ สุธีรชัย ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 19 เป็นกรรมการบริษัท ดับบลิวซีดี วิชั่น จำกัด 3.นายคารม พลพรกลาง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 26 เป็นกรรมการบริษัท สำนักพิมพ์สามพอ จำกัด 4.นายวรภพ วิริยะโรจน์ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 38 เป็นกรรมการบริษัท โปรโมชั่นแม็กกาซีน จำกัด 5.นายวรกร ฤทัยวาณิชกุล ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 71 เป็นกรรมการบริษัท เฮลโลฟิล์มเมคเกอร์ จำกัด
6.นายฐิติกันต์ ฐิติพฤฒิกุล จำกัด ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 94 เป็นกรรมการบริษัท ดิ เอ็กซ์คลูซีฟ จำกัด 7.นายหรินทร์ ยุวรัตนาพร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่ 111 เป็นกรรมการบริษัท อินเซน ออดิโอเวิร์ค แอนด์ สตูดิโอ จำกัด 8.น.ส.นรีรัตน์ สุขวรรณรัตน์ ผู้สมัครส.ส. แบบแบ่งเขต เขต 2 จังหวัดสระบุรี เป็นกรรมการบริษัท บอส แอนด์ ธอส โปรเจคท์ จำกัด 9.นายวีระชน นามประกาย ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 4 จังหวัดสกลนคร เป็นกรรมการ ห้างหุ้นส่วนจำกัด วชิรวิชญ์ เคเบิ้ลทีวี นอกจากนี้ยังเป็นกรรมการห้างหุ่นส่วนจำกัดนครพนม ทีวี แอนด์ เน็ทเวิร์ค 10.นายปิยเมษฐ ประณีตพลกรัง ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต เขต 14 จังหวัดนครราชสีมา เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด พีเอสบี คอมมูนิเคชั่น และ11.น.ส.กัลยารัตน์ กิตติกัลยานนท์ ผู้สมัครส.ส.แบบแบ่งเขต เขต10 จังหวัดขอนแก่น เป็นกรรมการห้างหุ้นส่วนจำกัด หวานชุมโปรโมชั่น
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ตนจะต้องทำความจริงให้ปรากฏเพื่อให้เป็นบรรทัดฐานสำหรับนักการเมืองที่จะเข้ามาสู่ระบบการเมืองของไทย ต้องไม่มีข้อเคลือบแคลงสงสัยและอยู่ภายใต้การบังคับใช้ของกฎหมายอย่างเคร่งครัดในเรื่องคุณสมบัติ และลักษณะต้องห้าม เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตหลังจากที่ กกต. มีกำหนดจะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไม่ต่ำกว่า 95 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ นอกจากนี้ยังพบนักการเมืองที่ถือหุ้นสื่อ ซึ่งมี พรรคพลังประชารัฐ ประมาณ 2-3 ราย และพรรคเพื่อไทยประมาณ 3-4 ราย โดยตนจะเข้ายื่นคำร้องต่อกกต.เพิ่มเติมต่อไปวันที่ 2 พ.ค.นี้ และถ้าพบพรรคอื่นด้วยก็จะยื่นไม่ว่าจะฝ่ายประชาธิปไตย หรือฝ่ายสืบทอดอำนาจ ก็จะทำเช่นเดียวกัน.