ข่าว'ชูวิทย์'เตือนกกต.ระวังคุก ถ้าไม่ศึกษาประวัติศาสตร์ - kachon.com

'ชูวิทย์'เตือนกกต.ระวังคุก ถ้าไม่ศึกษาประวัติศาสตร์
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 30 เม.ย.นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตส.ส.พรรครักประเทศไทย ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า "ยุ่งตายห่า" ประสิทธิ์ กาญจนวัฒน์ อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรปี 2518 เป็นเจ้าของวลี “ยุ่งตายห่า”ท่านเป็นอดีต ส.ส. จังหวัดฉะเชิงเทรา ถึง 5 สมัย การเมืองในสมัยนั้น ถ้อยทีถ้อยอาศัย ไม่ได้เอาเป็นเอาตายเหมือนการเมืองสมัยนี้ แต่ขนาดเป็นอย่างนั้นแล้ว เวลาท่านเป็นประธานสภา ต้องคอยห้ามศึกความวุ่นวายในห้องประชุม ยังให้สัมภาษณ์เอ่ยวลีกับนักข่าวอยู่เสมอว่า “ยุ่งตายห่า”หากเป็นสมัยนี้ต้องติดแฮชแท็กอันดับหนึ่ง

การนับคะแนนใหม่อีกครั้งของ กกต. ที่ จ.นครปฐม วุ่นวาย เพราะเดี๋ยวคะแนนผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ชนะ อีกเดี๋ยวก็กลับมาเป็นผู้สมัครพรรคอนาคตใหม่ชนะ กกต. อ้างว่า เป็นความผิดพลาดที่เกิดจากเจ้าหน้าที่นับคะแนนบ้าง งานหนักบ้าง ต้องนับถึง 4 หน่วยบ้าง ตัวหนังสือไม่ชัด เลือนลางเพราะใช้กระดาษคาร์บอนบ้าง ทำให้ตัวเลขคะแนนคลาดเคลื่อน ส่วนอีกท่านหนึ่งให้สัมภาษณ์ว่า พรรคอนาคตใหม่ชนะ พอถามอีกท่านก็บอกว่ายังไม่เป็นทางการ แค่ชนะเบื้องต้น และบอกอีกว่าเรื่องเหล่านี้ไม่สามารถโทษใครได้ ประชาชนได้ฟังอย่างนี้แล้วก็ได้แต่บ่นว่า “ยุ่งตายห่า”

ขออนุญาตแจงความรู้สึกของคนเดินดินสั้นๆ ว่า “หาก กกต. ไม่พร้อมที่จะทำหน้าที่ ก็ยอมรับเสียเถิด เพราะท่านเป็นผู้มีอำนาจหน้าที่จัดการเลือกตั้งให้ โปร่งใส บริสุทธิ์ ยุติธรรม” ตามสโลแกนที่ใช้ หากไม่สามารถทำได้ด้วยเหตุผลใด ก็หาใช่เป็นผู้อื่นที่ต้องรับผิดชอบแทนท่านไม่ เพราะท่านต้องปฎิบัติหน้าที่ ตามอำนาจหน้าที่ซึ่งบัญญัติไว้ในตัวบทกฎหมายเพื่อให้สังคมยอมรับ หากสังคมไม่ยอมรับเสียแล้ว ก็ “ยุ่งตายห่า”

อย่างที่ท่าน ชีพ จุลมนต์ ประธานศาลฎีกา กล่าวเอาไว้เมื่อวันก่อนว่า “ไม่ว่าศาลใดในโลก ความยุติธรรมคือความพึงพอใจของคนในสังคม หากสังคมไม่ยอมรับ ไม่พอใจ ก็ก่อให้เกิดความวุ่นวายได้”
ท่านให้ยอมรับกติกาของบ้านเมือง คือเมื่อมีหลักกฎหมายก็ต้องยอมรับ เพราะศาลไม่สามารถทำให้ทั้งสองฝ่ายชนะได้ จึงต้องมีผู้แพ้และผู้ชนะ ผู้แพ้ต้องยอมรับกติกาของบ้านเมืองตามอัตราโทษที่ระบุไว้

ผมเคยเป็นผู้ชนะ และเป็นผู้แพ้คนหนึ่งที่ยอมรับ ถือว่าเป็น กบิลบ้าน กบิลเมือง หากยังอยากอยู่ในประเทศนี้ ต้องยอมรับกฎกติกาของบ้านเมืองนี้ แม้ไม่เคยคิดว่าในชีวิตจะต้องติดคุกถึง 3 ครั้ง 3 หน แต่ผมต่อสู้ด้วยวิถีทางของกฎหมายเท่าที่มี และเมื่อสุดทางแล้ว ศาลท่านตัดสินอย่างไร ผมก็ยอมรับอย่างหน้าชื่น อกตรม ก้มหน้าเข้าคุก คิดเสียว่า หากไม่ตายในคุกเสียก่อน สักวันหนึ่งก็ได้ออกมา ทำตัวทำใจไว้ให้แข็งแรง อยู่ให้เป็น เย็นให้พอ รอให้ได้ เป็นคติประจำใจเมื่อต้องใช้เวลาอยู่ในคุกทุกครั้ง

และก็เหมือนสวรรค์โปรด ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้นอย่างหาที่สุดไม่ได้ สำหรับผู้ต้องราชทัณฑ์อย่างผม ที่ได้รับอภัยโทษถึง 2 ครั้ง ชุบชีวิตใหม่ให้ได้กลับคืนสู่สังคมเยี่ยงชีวิตคนปกติ เสรีภาพมันช่างยิ่งใหญ่ในความเป็นมนุษย์ หาได้มีสิ่งใดยิ่งใหญ่มากไปกว่านี้อีกแล้ว ถึงแม้มีเงินน้อยแต่มีเสรีภาพที่จะไปไหนก็ได้ตามใจปรารถนา ยังดีกว่ามีเงินมหาศาลแต่ต้องใช้ชีวิตอย่างไร้อิสรภาพในคุก


การทำงานของ กกต. จึงสมควรทำให้สังคมยอมรับ ไม่ใช่ ท่านว่าของท่าน แล้วทำให้สังคมคลางแคลงใจมาตลอดว่า “เอาไงกันแน่วะ?” ตั้งแต่การเลือกตั้ง 24 มีนาคมที่ผ่านมา ที่ป่านนี้เป็นเดือนแล้วยังไม่รู้ผล ส่วนคะแนนจากนิวซีแลนด์ก็เน่าคาเครื่อง ไหนจะเรื่องอื่นๆ อีกมากที่ถาโถมใส่ จนแม้กระทั่งครั้งล่าสุดที่ จ.นครปฐม แทนที่จะทำให้ปราศจากข้อสงสัย ผลกลับหนักกว่าเดิม ยิ่งทำให้สงสัยมากขึ้นไปอีก

ความยุติธรรมจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องทำให้คนยอมรับ ไม่งั้นมันอาจย้อนมาทำร้ายตัวท่านเองในอนาคต อย่าทำเป็นเล่นไป ตอนผมติดคุกยังได้พบกับท่าน พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ อดีตประธาน กกต. และท่านปริญญา นาคฉัตรตรี อดีต กกต. ใครจะคิดว่าคนอย่างท่านทั้งสองจะต้องมาใช้ชีวิตอยู่ในคุกในตะรางกับผม ท่านวาสนาได้คุยกับผม ลูกผู้ชายชาติตำรวจระดับนายพลอย่างท่านที่ผ่านชีวิตรุ่งเรืองสุดๆมาแล้ว ถึงกับน้ำตาคลอเบ้า บอกผมว่า “ไม่เคยคิดเลยว่าวาสนาท่านจะตกต่ำถึงเพียงนี้”วันนี้ท่านได้ออกมาใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างมีความสุขกับลูกหลาน ที่สวนของท่านที่ จ.จันทบุรี

ดังนั้น หาก กกต. ยังไม่สามารถทำให้สังคมยอมรับการทำงานได้ มันจะเข้าทำนอง “ยุ่งตายห่า” อย่างที่อดีตประธานสภา ฉายา “โค้วตงหมง” ว่าเอาไว้ เมื่อ 40 ปีก่อน ส่วนผมขอบอกว่า“คนที่ไม่เรียนรู้ประวัติศาสตร์ มักทำผิดพลาดซ้ำรอยเสมอ”