'กรณ์-อภิรักษ์'ลงศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าปชป.
การเมือง
- Webmaster
- 2019-04-30 16:58:00
- 10
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 30 เม.ย. รายงานข่าวจากพรรคประชาธิปัตย์แจ้งว่า สำหรับความคืบหน้าในการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ในการประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 15 พ.ค.นี้ นอกจากมีชื่อของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคแล้ว ยังมีชื่อนายกรณ์ จาติกวณิช รักษารองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศตัวพร้อมชิงหัวหน้าพรรค เพราะอยากเห็นพรรคกลับมาเหมือนเดิม เพราะตอนนี้เห็นว่าพรรคมีการแบ่งขั้วที่นับวันจะเกิดความขัดแย้งกันมากขึ้น จึงต้องการเข้ามาฟื้นฟูพรรค
แหล่งข่าวระบุว่า การตัดสินใจครั้งนี้ของนายกรณ์ ได้ระบุว่า การตัดสินใจอะไรก็ทำเต็มที่ แต่จะไม่พูดว่าแพ้ไม่ได้ โดยนายกรณ์พูดคุยกับสมาชิกที่มีสิทธิ์เลือกและไม่เลือกหัวหน้าพรรค แต่ก็ไมได้ไปบอกว่าต้องเลือกตนหรือไปถามว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ เพียงแต่ไปเสนอแนวคิดและแลกเปลี่ยนว่าอยากเห็นพรรคเป็นอย่างไร แต่เมื่อคุยแล้วเขาจะเลือกหรือไม่ สุดท้ายแล้วเราก็เป็นพวกเดียวกัน ซึ่งการเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้ ทุกคนมีสองมิติคือเลือกแล้วมีที่ยืนหรือไม่ และยืนอยู่ตรงไหน เลือกแล้วคนนี้จะนำพาพรรคไปสู่เป้าหมายได้หรือไม่ อาจจะทำให้การเลือกตั้งครั้งหน้า มีโอกาสกลับมาเป็นส.ส.มากขึ้นหรือน้อยลง
“การเลือกหัวหน้าพรรคครั้งนี้เป็นความตั้งใจของพวกเราทุกคนคือเลือกแบบสร้างสรรค์ ไม่เลือกให้ขัดแย้ง และไม่พยายามที่จะสร้างเงื่อนไขในการบังคับให้แสดงตนว่าเป็นพวกใคร พอไปสร้างเงื่อนไขว่าไม่ใช่พวกกู ถ้ากูมามึงไม่มีโอกาสนะ เป็นจุดเริ่มต้นของการแบ่งพรรคแบ่งพวก เราเคยเห็นมาแล้ว ซึ่งทำให้มีปัญหา และขาดความสามัคคี”แหล่งข่าวระบุ
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคในทีมของนายกรณ์นั้น แหล่งข่าวระบุว่า คือนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ ว่าที่ส.ส.ตาก พรรคประชาธิปัตย์ เพราะนายกรณ์รู้จักกับนายชัยวุฒิมานาน และเป็นคนที่มีวัยวุฒิ คุณวุฒิ มีความสุขุม รอบคอบ รวมถึงเป็นคนที่ทุกคนในพรรคยอมรับ เข้าถึงได้ พูดคุยได้ ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญที่จะสามารถดึงคนมาร่วมเดินไปในทิศทางเดียวกัน และมีความเป็นพรรคเดียวกันได้เข้มแข็ง เพราะนายกรณ์มีจุดอ่อนจุดด้อยบ้าง เพราะฉะนั้นการทำงานทุกอย่างต้องหาคนที่มีความรู้ความสามารถมาเสริม ในส่วนที่ขาด นายกรณ์จึงมองว่านายชัยวุฒิสามารถเสริมให้นายกรณ์เป็นหัวหน้าพรรคที่ดีขึ้นได้ ส่วนตำแหน่งอื่นนายกรณ์ก็มีในใจอยู่แล้ว และการตั้งคนก็จะดูที่ความเหมาะสม
แหล่งข่าวระบุอีกว่า เป้าหมายสำคัญในการวางแผนเลือกตั้งข้างหน้า คือทำอย่างไรให้คนรุ่นใหม่หันมาเลือกเรา และหันมาหาเรา ซึ่งส่วนใหญ่ 6 ล้านคะแนนที่เคยเลือกเรา หันมาเลือกเรา ดังนั้นทำอย่างไรถึงดึงคนมาเหมือนเดิม ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสองเรื่องที่พรรคต้องทำขนานกันคือ 1.การทำงานช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ไม่ว่าพรรคจะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาลจะต้องพยายามขับเคลื่อนนโยบายที่หาเสียงไว้ เช่นการประกันรายได้ เชื่อว่าจะเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าแก้ไขปัญหาราคายาง ปาล์ม ข้าว ได้ดีที่สุด และ2.การบริหารจัดการของพรรคเพื่อกำหนดเป้าหมายพรรค จะต้องมีความชัดเจนว่าเลือกพรรคแล้วได้อะไร ต้องสื่อสารให้ชัด เสมอต้นเสมอปลาย และอยากทำการเมืองเพื่อให้ชีวิตประชาชนดีขึ้น ไม่อยากทำการเมืองเลือกขั้ว ที่ผ่านมาประชาชนเลือกขั้วเพราะเขาคิดว่าจะทำให้ชีวิตเขาดีขึ้น การเลือกขั้วแบบนี้ไม่ใช่คำตอบหรือทำให้ชีวิตดีขึ้น ประเทศมีความก้าวหน้า แต่ถ้าพรรคสื่อสารชัดเจนและทำให้ประเทศก้าวหน้า มีความสงบและมีความมั่นคง เศรษฐกิจดี ประชาชนมีรายได้ดี สุดท้ายประชาชนจะหันมาเลือกเรา
นอกจากนี้ นายสุทธิชัย หยุ่น ผู้ดำเนินรายการ Suthichai Live โพสต์เฟซบุ๊ก Suthichai Yoon ว่า ในงานศิษย์เก่า LSE ที่สถานเอกอัครราชทูตอังกฤษ เมื่อคืนวันที่ 29 เม.ย.ที่ผ่านมา นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตรองหัวหน้าพรรค และอดีตผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ยืนยันกับตนต่อหน้านายศุภชัย พานิชภักดิ์ อดีตเลขาธิการการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา (อังก์ถัด) ในฐานะที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ ว่าลงแข่งตำแหน่งหัวหน้าพรรคแน่นอน และต้องประชันนโยบายกู้พรรคเก่าแก่ที่สุดของประเทศแข่งกับนายกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อีกทั้งจะเชื่อมคนรุ่นใหม่กับรุ่นเก่าในพรรค พรรคต้องการการฟื้นฟูครั้งใหญ่ นอกจากนี้ นายอภิรักษ์บอกตนและนายศุภชัยด้วยว่าประชาชนเหมือนจะมี love-hate relationship สูงมากต่อประชาธิปัตย์ ดังนั้นพอลงโทษเรา ก็ลงโทษแรงเลย.