จ่อใช้สารสกัดกัญชาทำครีมชะลอวัย-รักษาผิวหนัง
การเมือง
เมื่อถามว่าคาดว่าจะปลูกกัญชาและได้สารสกัดที่จะสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้เมื่อไหร่ ผอ.สถาบันโรคผิวหนัง กล่าวว่า คาดว่าภายในปี 2562 จะสามารถปลูกกัญชาและสกัดสารสกัดจากกัญชาได้ หลังจากนั้นก็จะนำสารที่ได้มาใช้ทดลองในเซลล์ทดลองของมนุษย์ ซึ่งโรคทั่วไปในเบื้องต้นน่าจะใช้เวลาประมาณ 3 เดือน แต่โรคที่มีความซับซ้อนก็น่าจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี ดังนั้นในปี 2563 น่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผิวพรรณ ผื่นภูมิแพ้ และน่าจะได้ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยในการชะลอวัย ที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากกัญชาเป็นตัวแรก เพราะผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับผิวหนังนั้นหลักๆ คือใช้ทา ดังนั้นจึงจะไม่ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด
“ทางสถาบันโรคผิวหนังจะมีการยื่นขอปลูกกัญชาเอง เพราะหากไปขอจากหน่วยงานอื่นมาทำการทดลอง อาจมีปัญหาเรื่องสายพันธุ์ที่เราอาจจะควบคุมไม่ได้ ดังนั้นเบื้องต้นได้มีการคัดเลือกสายพันธุ์กัญชาแล้ว 5 สายพันธุ์ เป็นสายพันธุ์ของไทย 3 สายพันธุ์ และต่างประเทศ 2 สายพันธุ์ หลังจากนั้นก็จะนำสารสกัดมาทดลองและวิจัย เพื่อคัดเลือกสายพันธุ์ที่ดีที่สุดเพียง 2-3 สายพันธุ์ ก่อนขยายนำสู่กระบวนการผลิตอย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ในการปลูกนั้น เนื่องจากสถาบันโรคผิวหนังเป็นสถาบันเชิงวิจัยวิชาการอยู่แล้วสามารถดำเนินการปลูกได้ แต่โครงการนี้ จะเป็นโครงการร่วมมือ ระหว่าง สถาบันโรคผิวหนัง กับ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (กว.) กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยจะปลูกในที่ดินของ สถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งประเทศไทย (วว.) ซึ่งมีโรงเรือนพร้อมอยู่แล้ว โดยการปลูกนั้นจะปลูกในโรงเรือนเป็นแบบระบบปิด” พญ.มิ่งขวัญ กล่าว
ด้าน นพ.วีรวุฒิ อิ่มสำราญ ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าวว่า ในส่วนของสถาบันมะเร็งแห่งชาติ ขณะนี้ก็มีความพร้อมหลายเรื่องแล้ว ประกอบด้วย 1.มีตัวบุคลากร เช่น แพทย์ เภสัชกร ที่เข้าร่วมอบรมการใช้สารสกัดกัญชาทางการแพทย์ ซึ่งจะมีความรู้ความสามารถในการทั้งสั่ง ทั้งจ่าย และให้ข้อมูลความรู้กับผู้ที่ใช้กัญชาได้ และ 2.มีการวิจัยโรคมะเร็งที่มีการกำหนดโปรโตคอล (Protocol) ไว้หมดแล้ว เป็นต้น ดังนั้นสถาบันมะเร็งฯจึงต้องการ ผู้ร่วมวิจัย ร่วมปลูกกัญชา เช่น สภาเกษตรกรแห่งชาติ มหาวิทยาลัย ที่มีความพร้อม เข้ามาร่วมกันวิจัยทางสถาบันมะเร็งฯ เพราะขณะนี้เวลาจะนำสารสกัดกัญชามาใช้ในทางปฏิบัติจริงๆ ไม่ว่าจะเป็นการรักษาหรือวิจัย ตัวผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐานที่รู้ส่วนประกอบชัดเจน ขณะนี้ยังผลิตไม่ได้ เพราะปัจจุบันที่มีการใช้ ก็ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องสายพันธุ์และความปลอดภัยบางครั้งใช้ได้บางครั้งใช้ไม่ได้ เพราะทั้ง สายพันธุ์ และคุณภาพต่างๆยังไม่ได้ควบคุมในมาตรฐาน GMP
“ปัจจุบันมีผู้ป่วยมะเร็งจำนวนมาก เมื่อทราบข่าวว่ามีทางเลือกและมีหนทางการรักษา ผู้ป่วยก็อยากจะใช้ ซึ่งเราก็อยากจะจ่ายให้ แต่ตอนนี้ยังไม่มีผลิตภัณฑ์ที่มีมาตรฐาน และตอนนี้นโยบายของกรมการแพทย์ มีการเปิดกว้างให้หลายฝ่ายมาร่วมกันทำงาน เพราะหากรอแต่ของ องค์การเภสัชกรรมอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ ดังนั้นทางสถาบันมะเร็ง จึงอยากได้แหล่งการปลูกที่มีคุณภาพและเพียงพอต่อการใช้” ผอ.สถาบันมะเร็งแห่งชาติ กล่าว.