ความอดทนของคนมีขีดจำกัด 'ธนาธร'รอฟ้องกลับกกต.
การเมือง
ความคึกคักเริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 12.00 น. ก่อนเวลานัดหมาย 1 ชม. กลุ่มผู้สนับสนุนหรือแฟนคลับของ นายธนาธร และสมาชิกพรรคอนาคตใหม่จากจังหวัดต่างๆ รวมถึงแนวร่วมกลุ่มคนเสื้อแดง ได้เดินทางมาทยอยรวมตัวที่ลานเอนกประสงค์ชั้น 2 ด้านหน้าทางเข้าสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อรอให้กำลังใจ นายธนาธร โดยกลุ่มผู้สนับสนุนพร้อมใจใส่เสื้อสีส้มที่มีโลโก้พรรคอนาคตใหม่ พร้อมถือธงที่มีโลโก้พรรค รวมทั้งสวมหน้ากากรูป นายธนาธร ขณะที่ผู้สมัครส.ส.ทั้งแบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อของพรรคอนาคตใหม่ พร้อมใจกันใส่เสื้อคอกลมสีขาว มีข้อความว่า “เราคือผู้แทนราษฎร เรามาจากประชาชน"
จากนั้นในเวลา 13.00 น. นายธนาธร พร้อมกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ ได้เดินทางมาถึง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง โดยกลุ่มผู้สนับสนุนให้กำลังใจพร้อมตะโกนว่า "ธนาธร สู้ๆ" โดย นายปิยบุตรได้กล่าวให้กำลังใจกับว่าที่ ส.ส.ของพรรค ว่า ขอให้มั่นใจว่าจะ นายธนาธร จะสามารถชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาได้ เพราะ นายธนาธร มีคุณสมบัติครบถ้วน และยืนยันด้วยความมั่นใจเต็มร้อยว่าที่ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ทั้ง 88 คน จะได้เข้าไปทำงานสภา ภายใต้การนำของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่อย่างแน่นอน "เราเป็นตัวแทนของประชาชนจึงไม่มีอะไรมาขัดขวางเจตนารมณ์ของเราได้"
หลังทักทายกับบรรดากองเชียร์ที่มาคอยให้กำลังใจเสร็จแล้ว นายธนาธร ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ได้นำหลักฐานจำนวน 26 รายการเพื่อมาชี้แจงและแสดงต่อ กกต. พร้อมกับหลักฐานส่วนอื่น ๆ แต่ขอเก็บไว้ชี้แจงกับกกต. ก่อน ซึ่งการมาชี้แจงครั้งนี้มาด้วยความมั่นคง ยืนหยัดกับข้อเท็จจริง และเชื่อมั่นว่าในวันที่ 9 พ.ค. 2562 จะได้รับประกาศรับรองเป็น ส.ส. และไม่มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ไม่เชื่อมั่น เพราะถ้าสู้กันด้วยข้อเท็จจริงแล้ว ไม่มีใครมีหลักฐานมาหักล้างเราได้เลย ส่วนหลักฐานที่เป็นใบสั่ง และการขับรถเร็วนั้นได้แสดงไปแล้ว ส่วนหลักฐานที่แสดงว่าอยู่บนรถนอกจากใบสั่งนั้น ในวันเดินทางออกจาก จ.บุรีรัมย์ มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหลายรายไปคอยอำนวยความสะดวกให้คณะในวันดังกล่าว มีการเก็บภาพไว้ และเชื่อว่าเป็นหลักฐานให้กับเราได้
ต่อมา หลังเข้าชี้แจงกับ กกต.เป็นเวลานานกว่า 4 ชม. นายธนาธร ได้ออกมาเปิดเผยว่า บรรยากาศการชี้แจงส่วนใหญ่ตึงเครียด บางช่วงผ่อนคลาย ส่วนตัวหลังจากที่ได้ชี้แจงมีความรู้สึกว่าคดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองมาก เพราะแม้แต่คำถามพื้นฐานง่ายๆที่ถามกับคณะกรรมการฯว่าเราผิดตรงไหน เพราะได้ทำเอกสารชี้แจงไปแล้ว มีตรงไหนที่กกต. ไม่เชื่อหรือเห็นว่าพวกเรากระทำผิด คำถามง่ายๆ แค่นี้ แต่คณะกรรมการฯไม่สามารถตอบหรือชี้แจงกับเราได้ ทำให้ในการชี้แจงไม่ใช่เป็นการถามเรื่องเหตุการณ์ แต่เถียงกันเรื่องหลักการ ว่าตนผิดตรงไหนเอกสารตรงไหนผิด ซึ่งคณะกรรมการฯ ไม่สามารถตอบคำถามเหล่านี้ได้เลย หลังให้ข้อมูลทำให้ตนเชื่อว่าคดีนี้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง
นายธนาธร ยังกล่าวด้วยว่า ตนเอาหลักฐานมาวางหมดแล้ว ก็ควรเอาไปถามคนที่ไม่เชื่อว่าจะเอาหลักฐานอะไรมาหักล้างหลักฐานของตน และเห็นว่าไม่มีใครโต้แย้งหลักฐานที่ตนนำมาแสดงได้เลย ก็ต้องถือว่าผมไม่ผิดจริงๆ แล้วจะมาเรียกร้องอะไรอีก วันนี้ไม่มีคนบอกว่า ธนาธร มีแต่คนตั้งคำถามแล้วเอาไปปั่นซ้ำ จนสังคมเชื่อว่า ธนาธร ผิดจริง ถ้าจะทำอะไรก็เอาหลักฐานมาคุยกัน เรื่องที่ทำให้ตนอารมณ์เสียมาก คือ 1 ปีของการทำพรรคอนาคตใหม่ ตนและแกนนำพรรคโดนไปแล้ว 16 คดี
“ต้องบอกว่าความอดทนคนมีจำกัด ถ้าจะเดินหน้ากันต่อไปอย่างนี้เรื่อยๆ ที่ผ่านมาเราไม่อยากจะเดินไปถึงจุดนั้น อดทน อดกลั้นต่อสู้แนวทางสันติ แต่ช่องว่างที่เป็นอยู่ในปัจจุบันกับเส้นของความอดทนมันใกล้กันเต็มที ช่องว่างนี้กำลังจะหมดไป ถ้าดำเนินการอย่างนี้เรื่อยๆ ถึงวันหนึ่งคงต้องใช้วิธีกฎหมายโต้กลับบ้าง และถึงเวลานั้นก็จะไม่มีใครมีเวลาไปบริหารประเทศ ทั้งประเทศไทยผู้มีอำนาจก็จะต้องใช้เวลามาแก้ตัว” นายธนาธรกล่าว
หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ยังกล่าวอีกว่า ตนขอสงวนสิทธิในการที่จะปกป้องชื่อเสียงของตนเอง ถ้าใครพิจารณาคดีความของตนแล้วทำให้เกิดความเสื่อมเสียก็จะใช้สิทธิดำเนินการทางกฎหมายตอบโต้ แต่ตนเป็นคนใจเย็น จะรอจน คสช.หมดอำนาจ เพราะมาตรา 157 มีอายุความ 15 ปีคสช.อยู่ในช่วงขาลงไม่ทางครองอำนาจต่อไปเรื่อย ๆ ก็จะรอให้คสช.หมดอำนาจแล้วดำเนินดคีกับคนที่ตัดสินตนโดยไม่ใช้หลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ ซึ่งจะรอให้ถึงวันนั้นแล้วฟ้องกลับ.