ลุยสร้างวิทยากร-ลงพื้นที่อบรม3สารวัถตุอันตราย
การเมือง

พร้อมกันนี้ กรมวิชาการเกษตรยังมีแผนที่จะขอความร่วมมือสมาคมที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ สมาคมคนไทยธุรกิจเกษตร สมาคมอารักขาพืชไทย และสมาคมการค้านวัตกรรมเพื่อการเกษตรไทย เข้าร่วมรับการอบรมเป็นวิทยากรเพื่อไปอบรมเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง ข้าวโพด และไม้ผล ร่วมกับกรมส่งเสริมการเกษตร ส่วนวิทยากรจากการยางแห่งประเทศไทยจะอบรมเกษตรกรผู้ปลูกยางพารา และวิทยากรจากสำนักงานคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทรายจะอบรมเกษตรกรผู้ปลูกอ้อย

สำหรับผู้รับจ้างพ่นสารทั้ง 3 ชนิดซึ่งมีจำนวน 50,000 คน วิทยากรจากกรมวิชาการเกษตรจะเป็นผู้จัดอบรมในช่วงระหว่างเดือนมิถุนายน – กรกฎาคม 2562 ณ ศูนย์วิจัยและพัฒนาการเกษตร (ศวพ.) ของกรมวิชาการเกษตรใน 54 จังหวัด โดยผู้รับจ้างพ่นจะต้องผ่านการทดสอบทั้งข้อเขียนและปฏิบัติ รวมทั้งต้องเข้ารับการอบรมทุก 3 ปี และสารที่จะใช้พ่นต้องเป็นสารที่เกษตรกรผู้มีสิทธิ์ซื้อจัดหามาให้เท่านั้น
ในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้กรมวิชาการเกษตรอยู่ในระหว่างการสร้างวิทยากรร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อไปทำหน้าที่วิทยากรอบรมเกษตรกรและผู้รับจ้างพ่น ซึ่งการอบรมเพื่อสร้างวิทยากรจะแล้วเสร็จภายในเดือนนี้ ดังนั้นจึงขอให้เกษตรกรและผู้รับจ้างพ่นเตรียมพร้อมที่จะเข้ารับการอบรมตามระยะเวลาที่กำหนด โดยเกษตรกรที่จะเข้ารับการอบรมต้องมีทะเบียนเกษตรกร หรือหลักฐานแสดงพื้นที่ปลูกพืชที่มีความจำเป็นต้องใช้สารพาราควอตและไกลโฟเซต สำหรับกำจัดวัชพืชใน อ้อย ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ข้าวโพด มันสำปะหลัง และไม้ผล และใช้คลอร์ไพริฟอสเพื่อกำจัดหนอนเจาะลำต้นใน ไม้ดอก พืชไร่ ไม้ผล ซึ่งต่อไปการซื้อสารทั้ง 3 ชนิดไปใช้เกษตรกรจะต้องซื้อจากร้านที่ได้รับอนุญาต แสดงหลักฐานผ่านการอบรม พร้อมกับแสดงชนิดพืชที่ปลูก และพื้นที่ปลูก เพื่อกำหนดปริมาณวัตถุอันตรายที่จะซื้อได้ ส่วนผู้รับจ้างพ่นก็ต้องมีใบอนุญาตผ่านการอบรมแล้วเช่นเดียวกัน.