เด็กปชป.ชี้ปมหุ้นสื่อเสี่ยงทำรัฐบาลล่ม
การเมือง
-
สนับสนุนเนื่อหา
-
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายเชาว์ มีขวด รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงสิ่งที่จะต้องแก้ไขในพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. ว่า หลังมีการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งครั้งแรก เกิดความสับสนวุ่นวายมากมาย ตนเห็นว่ามีอย่างน้อย 5 ประเด็นที่ต้องแก้ไข คือ 1.ปัญหาการคำนวณส.ส.บัญชีรายชื่อที่กำหนดไว้ในมาตรา 128 ที่คณะกรรมการการร่างรัฐธรมนูญ (กรธ.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ใช้สูตรคำนวณให้พรรคขนาดเล็กที่ได้คะแนนไม่ถึงจำนวนส.ส.พึงมี ได้รับการจัดสรรส.ส.บัญชีรายชื่อด้วย ซึ่งน่าจะขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 91 ทั้งนี้จะมีความชัดเจนหลังศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยชี้ขาดในวันที่ 8 พ.ค.นี้ 2.ลักษณะต้องห้ามของผู้สมัครส.ส.กรณีถือครองหุ้นสื่อ ซึ่งมาตรา 42 (3) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. บัญญัติว่า เป็นเจ้าของหรือผู้ถือหุ้นในกิจการ หนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ซึ่งเป็นข้อความเดียวกับที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 98 (3) ที่อาจทำให้ว่าที่ส.ส.เกินครึ่งของจำนวนทั้งหมด เข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามต้องพ้นจากตำแหน่งส.ส.ได้ เพราะมีคำพิพากษาศาลฎีกากรณีนายภูเบศวร์ เห็นหลอด อดีตผู้สมัครส.ส.สกลนคร พรรคอนาคตใหม่ เป็นบรรทัดฐานไว้ว่าแม้บริษัทที่ถือหุ้นจะไม่ได้ประกอบกิจการสื่อจริง แต่มีวัตถุประสงค์ที่จะประกอบกิจการด้านสื่อก็เข้าข่ายลักษณะต้องห้ามในการสมัครรับเลือกตั้งส.ส.แล้ว ซึ่งแน่นอนว่าจะส่งผลกระทบต่อสมการการเมืองอย่างมีนัยยะสำคัญถึงขั้นเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ได้เลย โดยสิ่งที่ต้องแก้ไขในอนาคตคือทำให้เกิดความชัดเจนว่าการถือหุ้นสื่อหมายถึงบริษัทที่ประกอบกิจการด้านสื่อจริงๆ
นายเชาว์ กล่าวว่า 3.ควรมีกฎหมายรองรับที่ชัดเจนหากเกิดกรณีที่พบผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อมีปัญหาคุณสมบัติก่อนประกาศผลเลือกตั้ง โดยไม่ต้องจัดเลือกตั้งใหม่เท่านั้น เพราะสามารถเลื่อนลำดับบัญชีรายชื่อได้เลย 4.พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 53 ทำให้กกต.มีอำนาจตัดสิทธิผู้สมัครส.ส.เขตได้ทันทีก่อนประกาศผลเลือกตั้ง ถ้าพบว่าขาดคุณสมบัติ โดยผู้สมัครเหล่านี้หมดสิทธิโต้แย้ง ซึ่งประเด็นนี้ต้องถูกแก้ไขเพื่อไม่ให้เกิดความลักลั่นในการใช้อำนาจที่อาจทำให้เกิดการโต้แย้งเรื่องกฎหมายไม่เป็นธรรมในภายหลัง 5.ต้องแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบการเมืองแบบจัดสรรปันส่วนผสม ที่กำหนดให้ใช้บัตรใบเดียว หมายเลขผู้สมัคนรแตกต่างกัน คำนวณคะแนนจากผู้สมัครส.ส.เขต มาผูกพันกับบัญชีรายชื่อ จนทำให้ผลคะแนนผกผันได้ตลอดเวลา ถ้าต้องมีการเลือกตั้งใหม่ รวมถึงการออกแบบสกัดไม่ให้มีพรรคใดได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.ทั้งหมด และการกำหนดให้ต้องประกาศผลเลือกตั้งต้องรอให้ครบร้อยละ 95 ก่อน ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหาที่ทำให้บรรยากาศการเมืองอึมครึมและมีแนวโน้มว่าอาจเดินหน้าสู่ทางตัน