เผย"หมอ-เภสัช"สอบผ่านการใช้สารสกัดกัญชา91%
การเมือง
Webmaster
2019-05-04 13:22:00
18
Webmaster
2019-05-04 13:22:00
18
-
สนับสนุนเนื่อหา
เมื่อวันที่ 4 พ.ค. นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลการจัดอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ สำหรับ แพทย์ ทันตแพทย์ และเภสัชกร ว่า ในการอบรมเมื่อวันที่ 29-30 เม.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นครั้งแรกนั้น มีบุคลากรทางการแพทย์เข้าอบรมทั้งหมด 192 ราย ในจำนวนนี้ผ่านการอบรม 175 รายหรือประมาณร้อยละ 91 ไม่ผ่านเกณฑ์การอบรม 17 ราย ในจำนวนนี้มี 15 คนที่ไม่ผ่าน เพราะไม่สามารถเข้าอบรมจนครบตามเวลาที่กำหนดได้ ส่วนอีก 2 ราย สอบไม่ผ่าน อย่างไรก็ตามขณะนี้ทางกรมการแพทย์ได้ส่งรายชื่อทั้ง 175 รายให้กับทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เพื่อขอขึ้นทะเบียนแล้ว ซึ่งโดยหลักการเมื่อผ่านการขึ้นทะเบียนกับ อย.ก็จะสามารถจ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชาได้
“การจะจ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชาได้นั้น โรงพยาบาลไม่ว่าจะของรัฐหรือเอกชนต้องมีการมาขออนุญาตจาก อย.ก่อน และในโรงพยาบาลที่จะจ่ายยากัญชาได้ต้องมีทั้งแพทย์และเภสัชฯ ที่ผ่านการอบรมและได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้วเท่านั้น โดยแพทย์มีหน้าที่สั่งจ่ายยา ส่วนเภสัชฯ มีหน้าที่จ่ายยา เหมือนกรณีการจ่ายมอร์ฟีน เนื่องจากสารสกัดจากกัญชา ถือเป็นสารที่ควบคุมเหมือนมอร์ฟีน ที่ต้องไปขึ้นทะเบียนและมีรายงานการใช้”อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในเดือนพ.ค.นี้ กรมการแพทย์ก็จะมีการจัดการอบรมการใช้สารสกัดกัญชาเป็นรอบที่ 2 โดยจะเปิดรับสมัครทางระบบออนไลน์ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2562 ในส่วนของกรมการแพทย์จะจัดการอบรมได้ 6 รอบ แต่เบื้องต้นก็ได้มีการหารือกันว่าจะมีการจัดอบรมให้โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศ เป็นการเฉพาะอีก 1 รอบ เพราะจะได้มีโรงพยาบาลที่มีความพร้อมสามารถสั่งจ่ายสารสกัดจากกัญชาให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในต่างจังหวัดได้ นอกจากนี้ก็อยากขอเชิญชวนมหาวิทยาลัย หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่มีความพร้อม และอยากจะจัดหลักสูตรอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ โดยในการที่จะจัดหลักสูตรได้มีมาตรฐาน 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ส่งรายละเอียดหลักสูตรมาให้กรรมการพิจารณารับรองหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ก่อน 2 เดือน 2.ต้องส่งรายชื่อวิทยากรพร้อมคุณวุฒิของวิทยากร 3.ต้องมีคู่มือการอบรม และ4.ต้องระบุว่าผู้ที่ผ่านการอบรมต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง เช่น ของกรมการแพทย์ผู้เข้าอบรมต้องผ่านการทดสอบให้ได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะได้การรับรอง เป็นต้น.
“การจะจ่ายยาที่มีส่วนผสมของกัญชาได้นั้น โรงพยาบาลไม่ว่าจะของรัฐหรือเอกชนต้องมีการมาขออนุญาตจาก อย.ก่อน และในโรงพยาบาลที่จะจ่ายยากัญชาได้ต้องมีทั้งแพทย์และเภสัชฯ ที่ผ่านการอบรมและได้ขึ้นทะเบียนกับ อย.แล้วเท่านั้น โดยแพทย์มีหน้าที่สั่งจ่ายยา ส่วนเภสัชฯ มีหน้าที่จ่ายยา เหมือนกรณีการจ่ายมอร์ฟีน เนื่องจากสารสกัดจากกัญชา ถือเป็นสารที่ควบคุมเหมือนมอร์ฟีน ที่ต้องไปขึ้นทะเบียนและมีรายงานการใช้”อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าว
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า ในเดือนพ.ค.นี้ กรมการแพทย์ก็จะมีการจัดการอบรมการใช้สารสกัดกัญชาเป็นรอบที่ 2 โดยจะเปิดรับสมัครทางระบบออนไลน์ในวันที่ 10 พ.ค.นี้ ทั้งนี้ในปีงบประมาณ 2562 ในส่วนของกรมการแพทย์จะจัดการอบรมได้ 6 รอบ แต่เบื้องต้นก็ได้มีการหารือกันว่าจะมีการจัดอบรมให้โรงพยาบาลในสังกัดของกระทรวงสาธารณสุขจากทั่วประเทศ เป็นการเฉพาะอีก 1 รอบ เพราะจะได้มีโรงพยาบาลที่มีความพร้อมสามารถสั่งจ่ายสารสกัดจากกัญชาให้กับผู้ป่วยที่อยู่ในต่างจังหวัดได้ นอกจากนี้ก็อยากขอเชิญชวนมหาวิทยาลัย หรือ หน่วยงานต่างๆ ที่มีความพร้อม และอยากจะจัดหลักสูตรอบรมการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ โดยในการที่จะจัดหลักสูตรได้มีมาตรฐาน 4 ข้อ ประกอบด้วย 1.ส่งรายละเอียดหลักสูตรมาให้กรรมการพิจารณารับรองหลักสูตรการใช้สารสกัดจากกัญชาทางการแพทย์ก่อน 2 เดือน 2.ต้องส่งรายชื่อวิทยากรพร้อมคุณวุฒิของวิทยากร 3.ต้องมีคู่มือการอบรม และ4.ต้องระบุว่าผู้ที่ผ่านการอบรมต้องมีคุณสมบัติใดบ้าง เช่น ของกรมการแพทย์ผู้เข้าอบรมต้องผ่านการทดสอบให้ได้ 60 เปอร์เซ็นต์ ถึงจะได้การรับรอง เป็นต้น.
