ข่าวอนค.มีเสียวสูตร27พรรคคะแนนหาย6แสน ขู่ส่อขัดรธน.โทษอ่วม - kachon.com

อนค.มีเสียวสูตร27พรรคคะแนนหาย6แสน ขู่ส่อขัดรธน.โทษอ่วม
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 7 พ.ค.ที่พรรคอนาคตใหม่ อาคารไทยซัมมิท นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ แถลงถึงกรณีการคำนวณที่นั่งส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่า ตามรัฐธรรมนูญ และ พ.ร.บ. ที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการคำนวณ มี 2 มาตรา ประกอบด้วย รัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 เมื่ออ่านทั้งสองบทบัญญัตินี้แล้ว ในมาตรา 91 และ 128 สรุปความได้ว่า วิธีการคำนวณ ต้องคิดจากจำนวน สส. พึงมีก่อน ที่ 71,574.98 คะแนน หมายความว่า พรรคใดที่มี ส.ส.ในสภาได้ ต้องได้คะแนนไม่ต่ำกว่า 71,000 เว้นแต่ พรรคที่มี ส.ส. เขตมากกว่า ส.ส. พึ่งมี นั่นคือพรรคเพื่อไทยในส่วนของพรรคอนาคตใหม่เองนั้น เรามีคะแนนดิบที่ 6,265,950 คะแนน และอาจได้เพิ่มอีกจากการเลือกตั้งซ่อมในเขต 8 จ.เชียงใหม่ คำนวณคร่าว ๆ ประมาณ 6.3 ล้าน ซึ่งเราจะได้ส.ส.ทั้งหมด 87 ที่

นายปิยบุตร กล่าวต่อ หาก พรุ่งนี้ กกต. ยืนยันว่า จะใช้สูตรคำนวณแบบ 27 พรรค จะทำให้ อนค. มีจำนวน สส. เหลือเพียง 80 คน คิดเป็นคะแนนดิบที่หายไปประมาณ 600,000 คะแนน หมายความว่า 600,000 เสียงของประชาชนที่เลือกเรา หายวับไปกับตา ซึ่งจะส่งผลตามมาหลายประการ ได้แก่ 1.ความไม่เป็นธรรมจากคะแนนที่หายไป ทั้ง พปชร. ปชป. เสรีรวมไทย ก็โดนเช่นกัน แต่พรรคเราโดนเยอะที่สุดถึง 7 คน 2.เกิดความไม่เป็นธรรมระหว่างผู้สมัคร แบบแบ่งเขต หลายเขตผู้สมัคร ได้คะแนน 30,000 ถึง 40,000 คะแนน จึงได้เป็น ส.ส. แต่ปรากฎว่าบางพรรค ได้คะแนนเพียง 30,000-60,000 จากทั้งประเทศ กลับได้ ส.ส. 1 คน 3.การจัดตั้งรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคที่อยู่ฝ่ายต้านการสือบทอดอำนจของ คสช. เสียงจะหายไปเกือบ 10 คน หมายความว่าเสียงข้างมาก ในสภา จะเปลี่ยนไปทันที เพราะ พรรคฝ่ายประชาธิปไตยจะมีเสียงไม่ถึง 250 เสียง เกิดความไม่เป็นธรรม ซึ่ง กกต.ต้องยึดเอาตามที่ประกาศในกฎหมายล่วงหน้า ” เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า สำหรับกรณีที่ผู้ตรวจการแผ่นดินร้องที่ศาลรัฐธรรมนูญ กรณี พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. มาตรา 128 ขัดกับ รัฐธรรมนูญ มาตรา 91 หรือไม่ กรณีดังกล่าว ไม่ว่าศาลรธน จะวินิจฉัยเป็นเช่นใด ก็ไม่ส่งผลกระทบใดๆ กับการเลือกตั้งในวันที่ 24 มี.ค เพราะฉะนั้นไม่ต้องกังวลว่า การเลือกตั้งจะเป็นโมฆะ สมมติศาลรธน. บอกว่า ขัดกันจริง ก็ทำให้ 128 สิ้นผลไป แต่กกต. ยังมี มาตรา 91 เป็นฐานสำหรับการคำนวณ จำนวน ส.ส. อยู่ดี

“อยากให้กกต. คำนวณ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อโดยคิดจากฐานรัฐธรรมนูญ ตามที่มาตรา 91 ระบุ พรรคไหน ไม่ถึง 71,000 คะแนน ก็ต้องเป็นไปตามนั้น หากการใช้อำนาจของ กกต. ทำให้พรรคอนาคตใหม่ หายไป 600,000 คะแนน และ ส.ส. 7 คนรวมถึงคะแนนเสียง และจำนวน ของส.ส.ของพรรคอื่นที่ได้รับผลกระทบ หาก กกต.ใช้อำนาจขัดกับรัฐธรรมนูญนั้นมีโทษทางกฎหมาย ทั้งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยกกต.เอง จะมีบทลงโทษ หนัก ซึ่งถือว่าสุ่มเสี่ยง หากกกต.ใช้อำนาจตีความเอง โดยใช้สูตร 27 พรรค ขอส่งสัญญาณไปว่า หากใช้อำนาจโดยไม่ชอบ จะต้องรับผิดทางกฎหมายด้วย ที่สำคัญคือ จะกระทบกับทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลของพวก และเสียงของประชาชนที่เลือกพวกเขาเหล่านี้ เรื่องนี้เขียนไว้ชัดแล้ว ต้องดำเนินตามกติกา”นายปิยบุตรกล่าว

นายปิยบุตร กล่าวต่อว่า ยืนยันว่าสัตยาบันที่ร่วมลงกับ 7 พรรคการเมืองยังจับมือกันเหนียวแน่น หาก กกต.ใช้สูตรคำนวณยึดหลักรัฐธรรมนูญมาตรา 91 จะทำให้พรรคที่ร่วมลงสัตยบันมีเสียงเกินครึ่งของสภาผู้แทนราษฎรแน่นอน

เมื่อถามว่า การประกาศรับรองรายชื่อ ส.ส.ของ กกต.หลังจากนี้ยังสามารถตรวจสอบได้ภายใน 1 ปี นายปิยบุตร กล่าวว่า การกำหนดระยะเวลาเพื่อไม่ให้สภาวุ่นวาย เพราะผลของ ส.ส.เขตเชื่อมโยงกับ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หลักการที่สำคัญคือ การเลือกตั้งเป็นการแสดงออกถึงเจตจำนงของประชาชน ที่ผ่านมาเมื่อเลือกตั้งแล้วจะทราบว่า ส.ส.คือใคร แต่เมื่อมีกติกาการให้ใบเหลือง ใบส้ม เสมือนมีองค์กรคอยตรวจสอบหลังการเลือกตั้ง ทำให้ ส.ส.ที่เข้าสภาในช่วงการทำงาน 1 ปีต้องลุ้นว่าจะถูกสอยได้ทุกเมื่อ ทำให้การทำงานขาดความเป็นอิสระหรือไม่ จะกล้าปฏิบัติหน้าที่เผชิญหน้ากับ กกต.หรือไม่ จะกล้าแก้กฎหมายเกี่ยวกับ กกต.หรือไม่ ก็ต้องระมัดระวังว่าอาจจะโดยสอยได้ จึงเป็นการกระทบกับการทำหน้าที่ของ ส.ส.ด้วย

เมื่อถามว่า มีกระแสข่าวว่ารัฐมนตรีในรัฐบาลหลายคนยื่นใบลาออกเพราะได้รับการสรรหาเป็น ส.ว. นั้น นายปิยบุตร ยืนยันว่า ส่วนตัวไม่เห็นด้วยกับ ส.ว.ที่มาจากการแต่งตั้งโดย คสช. และ ส.ว.ชุดนี้มีอำนาจมากที่มีส่วนในการเลือกนายกรัฐมนตรี ดังนั้น ส.ว.ชุดนี้ขาดความชอบธรรมตามระบบประชาธิปไตยที่ชัดเจน เพราะไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง และยังมีอำนาจเลือกนายกฯ ซึ่งที่กำลังดำเนินการอุกอาจถึงขั้นเอาคนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในรัฐบาล คสช.ลาออกมาสดๆเพื่อเป็น ส.ว.

"จะทำอะไรก็ควรจะเกรงใจกันบ้าง คือจะเอาทุกอย่าง วันนี้มีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีก็ใช้อำนาจในการบริหารราชการเต็มที่ พอมีตำแหน่งมาต่อก็กระโดดมาเป็น ส.ว.อีก"นายปิยบุตร กล่าว

นายปิยบุตร กล่าวอีกว่า ขอเชิญชวนให้สื่อมวลชนช่วยจับตาว่า 250 ส.ว.มีกี่คนที่เคยทำงานอยู่ในระบอบของ คสช.กี่คน และมี ส.ว.กี่คนที่เคยทำงานตั้งแต่ปี 2549 และยังจะได้เป็น ส.ว. อยู่ กลายเป็นเรื่องมหัศจรรย์ว่ามีคนอยู่กลุ่มหนึ่งได้เป็น ส.ว. ได้ใช้อำนาจนิติบัญญัติโดยที่นั่งกระดิกเท้าเฉยๆไม่เคยลงเลือกตั้งเลยและไม่เคยมีการตรวจสอบ ผิดกับมาตรฐานของนักการเมืองที่ลงเลือกตั้ง ต้องถูกตรวจสอบห้ามเป็นติดต่อกันกี่สมัยนั้น มีกฎกติกาตรวจสอบอยู่.