ข่าวอาจมีใบสั่ง?"นิพิฏฐ์"กังขาแจกใบส้มใบเดียวผิดปกติ - kachon.com

อาจมีใบสั่ง?"นิพิฏฐ์"กังขาแจกใบส้มใบเดียวผิดปกติ
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 8 พ.ค.  นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รักษาการรองหัวหน้าพรรค และอดีตส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 349 คน  ว่า  มีความผิดปกติจากแนวทางการปฏิบัติของ กกต.ทุกคณะในอดีต เพราะจะมีการแจกใบแดง-ใบเหลืองหลังการเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นหลักปฏิบัติในปริมาณที่มากพอสมควรตามมูลเหตุร้ายแรงของการทุจริตเลือกตั้งแต่ครั้งนี้ กกต.กลับให้ใบส้มกับว่าที่ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย เพียงคนเดียว จากนั้นประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ระบบเขตโดยอ้างว่ายึดหลักปล่อยไปก่อนแล้วค่อยสอยออกจากตำแหน่งส.ส.ภายหลัง  ทั้งนี้ การให้ใบเหลือง ใบแดง หรือใบส้มเป็นการปฏิบัติถูกหลักกฏหมาย แต่อาจไม่ถูกใจใครบางคน เพราะกกต.อาจถูกกดดันว่าหากแจกใบดังกล่าวมากกว่านี้ อาจกระทบต่อการจัดตั้งรัฐบาล เนื่องจากกระทบต่อยอดการประกาศ ส.ส.ให้ครบ 95 เปอร์เซ็นต์ ที่สำคัญคืออาจส่งผลถึงการพลิกขั้วในการจัดตั้งรัฐบาลของ 2 ขั้วการเมือง

“การที่กกต.เปลี่ยนแนวทางการทำงานไปจากเดิม แสดงว่ากกต.อาจถูกสั่งได้ เมื่อเป็นเช่นนี้จะยิ่งทำให้ความเชื่อมั่นศรัทธาในกกต.ยิ่งตกต่ำจนมีค่าเป็นศูนย์ เพราะสังคมยังกังขาในเรื่องผลการนับคะแนนการเลือกตั้งทั่วประเทศที่กกต.ไม่เปิดเผยรายละเอียดใดๆ หรือกกต.อาจถือหลักว่าปล่อยคนชั่ว 10 คนเข้าสภาฯ ดีกว่าปล่อยคนดี 1 คนเข้าสภาฯก็เป็นได้”นายนิพิฏฐ์ กล่าว

นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า ต่อจากนี้อาจจะเกิดปัญหา ในกรณีการร้องเรียนคัดค้านที่มีการทุจริตเลือกตั้ง เนื่องจากเมื่อครบกำหนดเวลาของการรับเรื่องคัดค้าน กกต.ต้องไต่สวนและชี้มูลภายในเวลา20 วัน หลังรับเรื่อง และ สามารถขยายเวลาได้อีกสองครั้งๆละไม่เกิน 15 วัน รวมระยะเวลา 50 วัน ตนเชื่อว่าเรื่องร้องคัดค้านคดีเลือกตั้งบางเรื่องครบกำหนดตามกฏหมายไปแล้วแต่ กกต.ไม่วินิจฉัยชี้ขาดภายในเวลาที่กฎหมายระบุ หากเปรียบกับเวลาในการสอบสวนของตำรวจซึ่งกฎหมายกำหนดไว้ 84 วัน ต้องสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องคดี แต่กรณีของ กกต.กลับไม่ชี้อะไรเลย โดยปล่อยหรือทิ้งสำนวนร้องคัดค้าน จะยิ่งทำให้ความศักดิ์สิทธิ์และความน่าเชื่อถือขององค์กรนี้ค่อยๆหายไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีผู้ถูกร้องคัดค้านบางรายที่ปล่อยไปแล้ว ได้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีก็ไม่ต้องพูดถึงว่าผลการวินิจฉัยภายหลังจะออกมาเป็นอย่างไร