3เเคนดิเดตชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค ปชป.ร่วมโชว์กึ๋นอ้อนคะแนนสมาชิกภาคใต้
การเมือง

“ผมเห็นว่า ถึงเวลาแล้วที่จะต้องทบทวนว่าสุดท้ายแล้วสาขาพรรคทำให้เราเข้มแข็งกว่าเขาหรือไม่ อีกทั้งจากผลการเลือกตั้งและวัฒนธรรมของพรรคที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่า ผู้อาวุโสในพรรค จะต้องลงรับสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ และ ผู้ที่มีฐานเสียงในระดับเขตและคนรุ่นใหม่ของพรรคจะต้องลงสู้ในระดับเขต ซึ่งถือเป็นเรื่องที่จะต้องหยิบยกพิจารณาว่า ตามกติกาในปัจจุบัน ผู้สมัคร ส.ส. จะต้องเป็นผู้ที่ต้องเป็นผู้สมัครที่สามารถมั่นใจได้ว่าเรียกคะแนนให้พรรคให้ได้มากที่สุดในแต่ละเขต เราจะทบทวนหรือไม่ว่า ผมควรจะต้องลงเขต แกนนำพรรคจะต้องลงเขต ซึ่งประเด็นนี้ ทางพรรค ควรที่จะต้องทบทวนและมาตั้งคำถามว่าจะยึดแนวทางเดิมหรือจะปรับเปลี่ยนตามกติกาหรือไม่” นายกรณ์ กล่าว

จากนั้นนายอภิรักษ์ กล่าวแสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า เหตุผลที่ลงสมัครหัวหน้าพรรค เพราะอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง พร้อมเดินหน้าในฐานะผู้นำในการบริหารเปลี่ยนแปลงพรรค เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของสังคมยุคใหม่ และอยากช่วยสมาชิกทุกๆ ภูมิภาคในการทำหน้าที่เพื่อประชาชนในพื้นที่ได้มากขึ้น รวมทั้งสร้างศรัทธาของประชาชนที่มีต่อ ปชป. ในพื้นที่ใหม่ๆ ทั่วประเทศ เพราะวันนี้มองว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องเปลี่ยนแปลง และการบริหารพรรคนั้น ไม่ใช่ปล่อยให้หัวหน้าพรรคและเลขาฯบริหารงานเหมือนเป็นซูเปอร์แมน ต้องเปลี่ยนแปลง ต้องทำงานเป็นทีม เปรียบเสมือนเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล นำบุคคลที่มีประสบการณ์ มีมุมมองร่วมสมัย ช่วยกันทำงานกับคนรุ่นใหม่ และเปิดพื้นที่ให้คนนอกพรรคมาช่วยกันขับเคลื่อน
“ประชาธิปัตย์วันนี้ผมมองว่าหากเราจะเดินไปยังเป้าหมายนั้นๆควรทาบทามบุคลากรที่มีความชำนาญในด้านนั้นๆมาทำงาน และเงื่อนไขของภารกิจหัวหน้าพรรค ปชป. ในวันนี้ คือ ความเปลี่ยนแปลงของสังคม เพราะกระแสเปลี่ยนไปแบบนี้ ย้ำว่าพรรคเข้าใจและยอมรับกระแสและความนิยมของสังคมรวมทั้งคนรุ่นใหม่ที่มีต่อพรรค เราจึงต้องการคนที่พร้อมรอบด้านมาทำงานเป็นทีมบริหาร ซึ่งผมอยากขอโอกาสในการทำงานร่วมกับทุกคนเพื่อสร้างประวัติศาสตร์การเปลี่ยนแปลงพรรคในครั้งนี้”นายอภิรักษ์ กล่าว.
