"กรณ์"อาสายกเครื่องปชป.ยันบริหารพรรคสร้างสรรค์
การเมือง
นายกรณ์ ระบุอีกว่า ส่วนบทบาทในรัฐบาลนั้น ตนเคยดำรงตำแหน่ง รมว.การคลัง เป็นระยะเวลาประมาณ 2 ปีกว่า เข้ามาบริหารเศรษฐกิจของชาติในช่วงที่มีวิกฤติการเงินระดับโลก ทีมเศรษฐกิจของเราทุ่มเททำทุกวิถีทางจนประเทศไทยรอดพ้นจากวิกฤติได้เร็วเป็นอันดับต้นๆ ของโลก และยังมีรางวัลรัฐมนตรีคลังโลก ที่เป็นความภูมิใจติดตัวมาเป็นเครื่องสะท้อนถึงความสำเร็จภายใต้การบริหารงานของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่สามารถแก้วิกฤติเศรษฐกิจได้อีกครั้ง ตลอดจนการทำงานในอีกหลายๆกิจกรรมร่วมกับเพื่อนๆในพรรค มาถึงวันนี้ พรรคมาถึงจังหวะการเปลี่ยนแปลงอันสำคัญอีกครั้ง ตนจะปลุกพลังของพรรคฯขึ้นมาอีกครั้ง จะบริหารพรรคอย่างสร้างสรรค์ โปร่งใส และทันต่อยุคสมัย ตนจะขอความร่วมมือและให้โอกาสคนทุกรุ่น ทุกกลุ่ม และทุกภาค รวมถึงการเชิญชวนคนมีความสามารถระดับประเทศเข้ามาทำงานร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ต่อไป และที่สำคัญ ตนตระหนักดีว่าการจะทำงานใหญ่ให้สำเร็จได้ เราต้องมีทีมเวิร์คที่เป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ส.ส. ผู้สมัครส.ส. และทีมงานของพรรคที่พลาดไป ต้องมีที่ยืน ตนจะนำจุดเด่นของทุกคนกลับมาทำงานร่วมกันเพื่อประชาชนให้ได้
“ภารกิจสำคัญในวันนี้ ผมขอเป็นสะพานข้ามความขัดแย้ง ที่จะเชื่อมทุกคนไปสู่ก้าวใหม่ เดินหน้าต่อไปด้วยกัน เพื่อให้พรรคประชาธิปัตย์ที่เรารัก กลับมาเป็นความหวังของประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งให้ได้ ด้วยทุกความสามารถ ทุกสรรพกำลังที่ผมมี ทุกการตัดสินใจในการกระทำของผม ผมขอให้คำมั่นว่าจะทำเพื่อประโยชน์สุดของประชาชน เพื่อความก้าวหน้าของประเทศ และเพื่อความมั่นคงของแผ่นดิน ผมพร้อมแล้วครับที่จะยกเครื่องพรรคประชาธิปัตย์ให้เป็นเครื่องมือในการทำงานให้แก่ประชาชน และเป็นตัวแทนของคนไทยทั้งประเทศ ผมอาสาเข้ามาเป็นตัวเลือกให้สมาชิกพรรคได้พิจารณาเพื่อเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไป”นายกรณ์ ระบุ
ด้าน นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีตส.ส.พิษณูโลก พรรคประชาธิปัตย์ และเป็นอดีตผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรค โพสต์ข้อความทางเฟซบุ๊ก ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีการเลือกหัวหน้าพรรค และทีมบริหารพรรคชุดใหม่ ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ ตนได้ติดตามความเคลื่อนไหวของผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ล้วนเป็นความหวังของพรรค และมีเป้าหมายในการสร้างความปรองดอง สร้างความมีส่วนร่วมแก่สมาชิก ทำงานเป็นทีม เพื่อนำพาพรรคให้เป็นที่พึ่งเพื่อแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน หัวใจสำคัญที่อยากจะฝากผู้นำพรรคคนใหม่ คือพรรคประชาธิปัตย์ต้องกลับมายืนอยู่บนจุดแข็งของพรรค และแยกแยะปัญหาทางการเมืองของประเทศให้ได้ ตนเชื่อมือในการแก้ปัญหาปากท้องของทุกคนที่เป็นผู้เข้าชิง แต่การวิเคราะห์ปัญหาทางการเมืองต่างหากที่ยังไม่ตรงกัน และไม่ตรงใจประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา ตนเชื่อมั่นว่าผู้นำพรรคคนใหม่สามารถนำพรรคกลับมายืนบนจุดแข็งของพรรค เหมือนในช่วงสิบกว่าปีที่ผ่านมา แยกแยะให้ถูกว่าปัญหาทางการเมืองของประเทศที่ประชาชนกังวลนั้นคืออะไร เดินชนสิ่งนั้นด้วยความมั่นใจ ตนเชื่อมั่นว่าความศรัทธาต่อพรรคจะกลับมาเร็วมาก เพราะประชาชนยังรอให้โอกาสพรรคของเรา แต่ถ้าแยกแยะปัญหาของประเทศผิด และยังถลำไปในทิศทางที่ผิดๆอีก.