หึ่ง!พรรคร่วมบีบ"พปชร." เปลี่ยนตัว"ผู้จัดการรัฐบาล"
การเมือง

"ก่อนหน้านี้พรรคขนาดกลาง ยังหวั่นกระแสสังคมที่มีต่อ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าคสช. และ นายอนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ที่เป็นคสช. เข้ามาในครม.ชุดหน้า โดยไม่ผ่านการเลือกตั้งแตกต่างจากพล.อ.ประยุทธ์ รวมทั้งท่ามกลางกระแสล่าสุดที่ไม่ยอมรับการสืบทอดอำนาจ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการแต่งตั้งส.ว.สรรหาจำนวน 250 คน ที่เน้นระบบพี่น้องและการเข้ามาจากคนในแม่น้ำ 5 สาย จึงเป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่ตัดสินใจว่าจะร่วมรัฐบาลหรือไม่" แหล่งข่าวพปชร. ระบุ
แหล่งข่าวจากพปชร. กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ จากการหารือกับ ส.ส.ใหม่ ของพรรคขนาดกลางหลายคน ยังเป็นกังวล 2 ประเด็นใหญ่ คือ1.การเป็นรัฐบาลของพปชร. เสียงปริ่มน้ำ ซึ่งฝ่ายรัฐบาลมี ส.ส.มากกว่าฝ่ายค้านแค่ 10 เสียง ไม่สามารถจะผ่านมติในสภาผู้แทนราษฎรไปได้อย่างราบรื่น เพราะในความเป็นจริง รัฐมนตรีที่เป็น ส.ส.จะต้องมาร่วมประชุมสภาผู้แทนราษฎรและอยู่ลงมติทุกครั้งซึ่งเป็นไปไม่ได้ รวมทั้งคนที่เป็นประธานสภาและรองประธานสภาผู้แทนราษฎรซึ่งปกติตามมารยาททางการเมืองจะไม่ลงมติ 2.กระแสการต่อต้านจากสังคมและฝ่ายค้านที่นำโดยพรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่ พรรคเสรีรวมไทยที่จะเกิดขึ้นทั้งในสภาฯและนอกสภาฯตลอดเวลา อาทิ การสืบทอดอำนาจจากคสช. ทั้งใน ครม. และแต่งตั้ง ส.ว. ที่เอาแต่ญาติพี่น้อง พรรคพวกเพื่อนฝูงและคนใกล้ชิดและมีปัญหาอื้อฉาว มาทำงานต่อโดยไม่ผ่านการเลือกตั้ง ซึ่งจะลดความน่าเชื่อถือของรัฐบาลและทุกพรรคการเมืองที่ร่วมงานข้างหน้า
“เชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ดี เพราะเป็นพรรคที่คร่ำหวอดกับการเมือง กรณีพล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีด้วยคะแนนเสียงปริ่มน้ำ กระแสสังคมไม่ยอมรับ การบริหารประเทศติดขัด ต้องวุ่นอยู่กับปัญหาการเมืองแบบรายวัน ในที่สุดรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ก็อาจไปไม่รอด พรรคขนาดกลาง จึงกำลังใคร่ครวญอย่างหนัก และ พวกเขายอมรับว่าเครียดมากในการตัดสินใจ ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์จะคุยเรื่องนี้ภายหลังเลือกตั้งหัวหน้าพรรคเรียบร้อยในวันที่ 15 พ.ค. นี้ ว่าจะตัดสินใจอย่างไรต่อไป ขณะที่ พรรคภูมิใจไทย ขอเวลาไปหารือกับส.ส.ในวันที่ 16 พ.ค.นี้ก่อนเช่นกัน” แหล่งข่าวจาก พปชร. ระบุ