ข่าว'จุรินทร์'ลั่นเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ ขอคะแนนโค้งสุดท้าย - kachon.com

'จุรินทร์'ลั่นเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ ขอคะแนนโค้งสุดท้าย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่13 พ.ค.  นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะผู้สมัครชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้เผยแพร่คลิปวีดีโอแสดงวิสัยทัศน์ที่สะท้อนจุดเด่นและความพร้อมในการเป็นหัวหน้าพรรค ทั้งการเป็นคนที่ความซื่อสัตย์ สุจริต และความมีประสบการณ์การบริหารงานแบบนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ เพื่อขอการสนับสนุนจากสมาชิกผู้มีสิทธิ์ลงคะแนน 307 เสียง ในช่วงโค้งสุดท้ายก่อนถึงการเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ ในวันที่ 15 พ.ค.นี้ โดยมุ่งเน้นที่

โดยในคลิปวีดีโอแรก  นายจุรินทร์ ระบุถึงผู้ที่จะเป็นผู้นำพรรคการเมืองของประเทศไทยว่ามีสิ่งที่ต้องการคือการเป็นนักบริหารรัฐกิจมืออาชีพ ซึ่งแตกต่างจากการเป็นนักบริหารธุรกิจ นักบริหารรัฐกิจมืออาชีพต้องบริหารโดยไม่ได้มุ่งหวังผลกำไร แต่มุ่งหวังผลประโยชน์สูงสุดของประชาชนและส่วนรวมหรือภาครัฐ  อีกทั้ง การบริหารรัฐกิจต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์ในการบริหารจัดการ มีความเข้าใจและมีศักยภาพในการขับเคลื่อนกลไกภาครัฐที่เทอะทะ เพื่อให้สามารถเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้ และที่สำคัญต้องมีอุดมการณ์ทางการเมือง ต้องยอมรับการตรวจสอบโดยกลไกที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และต้องขับเคลื่อนองค์กรให้เดินไปข้างหน้าภายใต้กรอบของกฎหมาย ระเบียบ รวมถึงการจับตามองของรัฐสภา องค์กรอิสระ รวมทั้งทุกภาคส่วนของสังคมและประชาชน ดังนั้น คนที่จะมาเป็นผู้นำทางการเมือง จึงต้องสามารถทนต่อแรงเสียดทาน ทั้งแรงเสียดทานทางการเมือง แรงเสียดทานทางเศรษฐกิจ แรงเสียดทานทางสังคม รวมถึงแรงเสียดทานอื่น นั่นหมายถึงว่าต้องเป็นผู้ที่มีวุฒิภาวะและประสบการณ์ ทั้งด้านบริหารและนิติบัญญัติ

คลิปวีดีโอที่ 2 เป็นการบันทึกภาพที่นายจุรินทร์กล่าวในงานหนึ่ง ซึ่งระบุถึงคุณสมบัติที่จำเป็นต้องมีสำหรับคนที่จะเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประกอบด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตย ต้องเห็นประโยชน์ของประชาชนเป็นใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอุดมการณ์แห่งความซื่อสัตย์สุจริตซึ่งเป็นสิ่งที่นักการเมืองทุกคนต้องมี  โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะความซื่อสัตย์สุจริตเป็นพื้นฐานสำคัญในการรักษาผลประโยชน์ให้กับส่วนรวมให้กับประชาชน คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กฎหมาย นโยบาย ศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมือง ทั้งหมดนี้คือกรอบให้นักการเมืองต้องมีความซื่อสัตย์สุจริต  แต่สุดท้ายสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ หิริ โอตัปปะ คือความละอายและเกรงกลัวต่อบาป การซื่อสัตย์สุจริตทั้งต่อหน้าและลับหลัง ไม่โกง ใครก็พูดได้ แต่เมื่อไหร่ที่มีโอกาส และไม่โกง จึงจะพิสูจน์ความเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตที่แท้จริง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า  ทีมงานของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต ส.ส.ประจวบคีรีขันธ์ พรรคประชาธิปัตย์ที่นายจุรินทร์วางตัวให้เป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ และกลุ่มชื่อว่า “กลุ่มคนรักจุรินทร์” ได้นำภาพตัวละครจากภาพยนตร์เรื่อง “อเวนเจอร์ส (Avengers)” มาตัดต่อโดยใส่ภาพใบหน้าของนายจุรินทร์ แทนใบหน้าตัวละครที่ชื่อ “กัปตันอเมริกา” และใส่ภาพใบหน้านายเฉลิมชัย แทนหน้าตัวละครที่ชื่อ “ฮอว์กอายส์” อีกทั้งเขียนข้อความว่า “#ทีมกัปตันจุรินทร์  #InJurinWeTrust อุดมการณ์ที่มั่นคงคือกุญแจสู่ความสำเร็จ”


นอกจากนี้ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามประเพณีปฏิบัติในการจัดตั้งรัฐบาลหลังจากมีการเลือกตั้งแล้ว ทุกพรรคต้องหลีกทางให้พรรคที่มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จำนวนมากที่สุดก่อน แต่เห็นข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐซึ่งได้จำนวนส.ส.เป็นอันดับ 2 รองจากพรรคเพื่อไทย กลับชิงจัดตั้งรัฐบาลก่อนโดยไม่ทำตามประเพณีปฏิบัติที่ยึดมั่นกันมาหลายยุคหลายสมัย ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่รัฐบาล​ คสช.​นำโดยพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาบริหารประเทศ ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ ประชาชนตกอยู่ในภาวะลำบากยากแค้นอย่างแสนสาหัส และผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนก็สรุปตรงกันว่าต้องการเปลี่ยนรัฐบาลใหม่เพื่อหวังให้มาช่วยฟื้นเศรษฐกิจให้ดีขึ้น เมื่อดูผลการเลือกตั้งก็จะเห็นว่าประชาชนได้เลือกพรรคการเมืองที่ประกาศไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวนอกจากจะไม่ทำตามประเพณีปฏิบัติแล้ว ยังเป็นการกระทำที่ไม่รับฟังเสียงของประชาชน เมื่อได้อำนาจด้วยการชิงจัดตั้งรัฐบาลแล้วจะเชื่อได้อย่างไรว่าจะเป็นรัฐบาลที่รับฟังเสียงของประชาชน

นางลดาวัลลิ์ กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งทั่วไปเมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2539 พรรคประชาธิปัตย์ได้ส.ส.น้อยกว่าพรรคความหวังใหม่แค่ 2 ที่นั่ง พรรคประชาธิปัตย์นำโดยนายชวน หลีกภัยก็ทำตามประเพณีปฏิบัติ หลีกทางให้พรรคความหวังใหม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล วันนี้เวลาผ่านไป 23 ปีแล้ว ตนยังเชื่อมั่นว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงยึดมั่นในหลักการและประเพณีปฏิบัติดังเดิม และเชื่อว่ายังจะทำตามสัญญาประชาคมที่ได้ให้ไว้แก่ประชาชนในช่วงการหาเสียงเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ให้กลับมาเป็นเป็นนายกรัฐมนตรีบริหารประเทศอีก แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหัวหน้าพรรคก็ตาม แต่คำพูดบนเวทีปราศรัยถือว่าเป็นคำพูดในนามพรรค ซึ่งก็คือนโยบายของพรรค ถ้าหากกรรมการบริหารพรรคและสมาชิกพรรคไม่เห็นด้วยคงจะมีการทักท้วงกันไปแล้วในช่วงนั้น และเท่าที่สังเกต แคนดิเดตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คนก็ล้วนแต่มีอุดมการณ์ต่อต้านการสืบทอดอำนาจทั้งนั้น.