ข่าวราชกิจจาฯเผยแพร่ระเบียบตั้ง"ทปษ.ภาคประชาชน" - kachon.com

เมื่อวันที่ 13 พ.ค. เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ ระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน พ.ศ. 2562 โดยมีใจความว่า เพื่อให้การตรวจราชการ ติดตามการปฏิบัติราชการให้เป็นไปตำมนโยบายของรัฐบาล บรรลุเป้าหมาย วัตถุประสงค์ อย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คุ้มค่ำ โปร่งใส ตามกฎหมายว่าด้วยหลักเกณฑ์ และวิธีการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงวางระเบียบไว้ ดังต่อไปนี้

กำหนดให้มีคณะกรรมการส่งเสริมการตรวจราชการ ประกอบด้วย หัวหน้าผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน หัวหน้าผู้ตรวจราชการกระทรวงทุกกระทรวง หรือที่เรียกชื่ออย่างอื่นเป็นกรรมการ ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการ และเจ้าหน้าที่สำนักตรวจราชการที่ผู้อำนวยการสำนักตรวจราชการ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีมอบหมาย จำนวน 2 คน เป็นผู้ช่วยเลขานุการ

โดยคณะกรรมการดังกล่าวมีหน้าที่และอำนาจ ดังต่อไปนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ การได้มา และการทำหน้าที่ที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน วางแนวทางปฏิบัติงานของที่ปรึกษาภาคประชาชน เพื่อการมีส่วนร่วมกับกลไกการตรวจราชการอย่างมีประสิทธิภาพ พิจารณาและจัดทำบัญชีรายชื่อผู้มีคุณสมบัติเพื่อเสนอชื่อเป็นที่ปรึกษาภาคประชาชน และเสนอความเห็นต่อปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีในการปฏิบัติงานของที่ปรึกษาภาคประชาชน อีกทั้งให้ในจังหวัดหนึ่งให้มีที่ปรึกษาผู้ตรวจราชการภาคประชาชน เรียกโดยย่อว่า “ทปษ. ภาคประชาชน” จำนวน 4 ด้าน ได้แก่ ด้านเศรษฐกิจ ด้านสังคม ด้านสิ่งแวดล้อม และด้านวิชาการ ด้านละไม่เกิน 3 คน โดยมีวาระการดำรงตำแหน่งคราวละ 3 ปี

นอกจากนี้ยังเผยแพร่ระเบียบว่าด้วยการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผล การดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศ พ.ศ. 2562 โดยสรุปดังนี้ต้องมีช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ อันเป็นประโยชน์ต่อการติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศด้วย

ทั้งนี้ ให้หัวหน้าหน่วยงานของรัฐทุกแห่งดำเนินการให้มีการรายงานผลการดำเนินการ ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศในระบบตามรายการและภายในระยะเวลาที่สำนักงาน กำหนด ทั้งนี้ สำนักงานจะกำหนดรายการที่หน่วยงานของรัฐแต่ละแห่งจะต้องรายงานให้แตกต่างกัน ตามความเหมาะสมเพื่อให้การติดตาม ตรวจสอบ และประเมินผลการดำเนินการตามยุทธศาสตร์ชาติ และแผนการปฏิรูปประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพก็ได้

ในกรณีที่หัวหน้าหน่วยงานของรัฐรายงานผลดำเนินการตามระยะเวลาที่กำหนด หรือรายงานไม่ครบถ้วนให้สำนักงานสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ แจ้งให้รัฐมนตรีเจ้าสังกัด หรือหัวหน้าองค์กรในฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ องค์กรอิสระ และองค์กรอัยการทราบพร้อมด้วยเหตุผลโดยเร็ว อย่างไรก็ตาม ให้สำนักงานฯจัดทารายงานสรุปผลการดำเนินการประจำปีในการดำเนินการ ตามยุทธศาสตร์ชาติและแผนการปฏิรูปประเทศเสนอต่อคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติหรือ คณะกรรมการปฏิรูป แล้วแต่กรณี และให้รายงานความคืบหน้าในการดำเนินการตามแผนการ ปฏิรูปประเทศต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.)ทราบ เพื่อรายงานต่อรัฐสภาทุก 3 เดือนต่อไปด้วย.