ผู้บริโภคจ่อร้องสอดขอเป็นจำเลยร่วมปมล้มประกาศคุมค่ายา
การเมือง

ด้าน นายเฉลิมพงษ์ กลับดี หัวหน้าศูนย์ทนายความเพื่อผู้บริโภค มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค(มพบ.) กล่าวว่า คดีนี้สมาคมฯ กับพวกเป็นรพ.เอกชน 41 แห่งเป็นผู้ฟ้องคดี โดยมีผู้ถูกฟ้องคดี 4 คน ได้แก่ 1.กกร. 2. รมว.พณ. 3.ปลัดพณ. และ4.อธิบดีกรมการค้าภายในซึ่งมพบ.และองค์กรผู้บริโภคถือเป็นบุคคลภายนอกคดี ที่ไม่ใช่คู่ความ แต่อาจจะเข้ามาร่วมได้ด้วยการร้องสอดเป็นคู่ความในคดี ซึ่งคดีนี้เครือข่ายผู้บริโภคร้องสอดเข้ามาด้วยความสมัครใจในการเป็นผู้ถูกฟ้องคดีร่วมกับอีก 4 คน เพราะเป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในคำพิพากษาในคดีนี้ ถ้าหากมีการยกเลิกเพิกถอนประกาศจะมีผลกระทบต่อผู้บริโภคทั่วประเทศ จึงร้องสอดเป็นฝ่ายผู้ถูกฟ้องคดีอยู่ฝั่งกระทรวงพาณิชย์ เพี่อเข้าไปร่วมต่อสู่กับสมาคมรพ.เอกชน
ภญ. ยุพดี ศิริสินสุข อนุกรรมการด้านบริการสุขภาพ คอบช. กล่าวว่า การที่สมาคมฯ และรพ.เอกชน 41 แห่ง ร้องว่าไม่ได้มีส่วนร่วมในการออกประกาศฉบับนี้นั้น ขอยืนยันว่าทสงรพ.เอกชนได้มีการแจ่งตั้งผู้แทนรพ.เอกชนเข้าไปร่วมทั้งในขั้นตอนของคณะอนุกรรมการหรือคณะทำงานต่างๆ ผู้แทนของรพ.เอกชนเข้าร่วมด้วยเสมอในการพิจารณาเรื่องราคายาและกำหนดมาตรการต่างๆ ผู้แทนรพ.เอกชนมีส่วนร่วมเท่าเทียมกับทุกภาคส่วน อย่างไรก็ตาม เห็นว่ามาตรการต่างๆที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการผ่านมานั้น ไม่กระทบกับสถานภาพทางเศรษฐกิจของรพ.เอกชนเลย เพราะมาตรการค่อนข้างละมุนละม่อม เช่น ให้รพ.เอกชนจัดทำป้ายราคาให้คนไข้มีสิทธิตัดสินใจในการเข้ารับการรักษา หรือการให้นำใบสั่งยาไปซื้อยาร้านข้างนอก ไม่ได้มีผลให้ราคาถูกลดทอนลงไป จึง ตรงกันข้ามมองว่ากระทรวงพาณิชย์ยังไม่สามารถคุ้มครองผู้บริโภคได้จริงจัง เพราะเมื่อเทียบราคายา จากการที่กระทรวงพาณิชย์ขอดูต้นทุนการจัดซื้อยาและราคาขายยามาเทียบกัน สิ่งที่พบคือราคาขายต่างจากราคาที่จัดซื้อ ตั้งแต่น้อย 100 เปอร์เซ็นต์ ไปถึงสูงสุด 1150 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเห็นราคาแบบนี้แล้วมาตรการาคุ้มครองผู้บริโภคในเรื่องนี้นั้นน้อยไปด้วยซ้ำ
ขณะที่ น.ส.สารี อ๋องสมหวัง เลขาธิการมพบ. กล่าวว่า ค่ายา เวชภัณฑ์ ค่ารักษาพยาบาลแพง กระทบกับผู้บริโภคโดยตรง และสิ่งที่กระทรวงพาณิชย์ดำเนินการมา ในฝั่งผู้บริโภคเห็นว่ายังไม่มีมาตรการอะไรเพิ่มเติม ล้วนแต่เป็นมาตรการเดิมทั้งการให้แจ้งราคาและการให้ผู้บริโภคนำใบสั่งยาจากรพ.เอกชนไปซื้อจากร้านขายยาข้างนอกได้ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ การที่สมาคมฯและ41รพ.เอกชนฟ้องศาลปกครองเช่นนี้ กระทบผู้บริโภคแน่นอน เนื่องจากการมีประกาศนี้อยู่ในขณะนี้ ทำให้ผู้บริโภคมีสิทธิร้องเรียนเมื่อไปเข้ารับการรักษาพยาบาลแล้วพบว่าค่ารักษาพยาบาล โดยใช้มาตรา29 พ.ร.บ.ว่าด้วยราคาสินค้าฯ ให้กระทรวงพาณิชย์เข้าตรวจสอบได้ ยกตัวอย่างเช่น ผู้บริโภค 1 ราย มีดบาด 1 เซนติเมตรถูกผ่าตัด ค่ารักษา 5 หมื่นบาทเป็นสิ่งสมเหตุสมผลหรือไม่ ก็สามารถร้องเรียน โดยกระทรวงพาณิชย์มีสิทธิเรียกข้อมูลและให้รพ.เอกชนมาชี้แจง แต่ถ้ายกเลิกกระทรวงพาณิชย์ไม่มีสิทธิเข้าไปตรวจสอบได้ตามกฎหมาย หรือกรณีคนไข้ออกจากการรักษาที่รพ.รัฐโดยขอย้ายไปรพ.เอกชนและพบว่าเส้นเลือกสมองแตก 2 เส้น พบว่าค่าผ่าตัดเกือบ 8 แสนบาท ทั้งที่ควรได้รับบริการตามสิทธิการเจ็บป่วยฉุกเฉิน แต่รพ.เอกชนบอกว่าไปรพ.รัฐมาก่อนแล้วถือว่ามารักษาเป็นรพ.เอกชนเป็นรพ.ที่ 2 แล้ว จึงเรียกเก็บเงินจากคนไข้เป็นเงิน 8 แสนบาท หากเป็นสิทธิฉุกเฉินรพ.เอกชนจะเรียกได้เพียง 2 แสนบาท กรณีเช่นนี้ก็สามารถร้องให้กระทรวงตรวจสอบได้หากประกาศยังคงมีอยู่ และหากพบผิดจริงจะถูปรับได้สูงสุดถึง 1.4 แสนบาทและมีโทษจำคุกด้วย
น.ส.สารี กล่าวว่า ขณะมี มพบ. สมาคมสหพันธ์องค์กรผู้บริโภค สมาคมองค์กรผู้บริโภคส่วนภูมิภาค เช่น สงขลา ขอนแก่น ที่เป็นนิติบุคคลมีความสนใจและจะร่วมร้องสอดเป็นฝ่ายพณ. เพื่อให้ประกาศนี้ยังอยู่และมีมาตรการอื่นๆในการคุ้มครองผู้บริโภค ออกมา ทำให้ค่ารักษาพยาบาลถูกลง แทนที่จะให้รพ.เอกชนเพียงฝ่ายเดียวที่ร้องให้ยกเลิกประกาศ.