ข่าว'บิ๊กตู่'ยันคัดส.ว.ไม่ได้จิ้มส่งเดช ย้อนนักการเมืองก็หน้าเก่าๆ  - kachon.com

เมื่อวันที่ 15 พ.ค. ที่เขตคลองเตย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการพัฒนาคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ของประชาชน ชุมชนคลองเตย ว่า วันนี้ตนพูดในนามของรัฐบาลนี้ ส่วนรัฐบาลหน้ายังไม่รู้ เพราะทุกคนก็จะถามตนอีก ซึ่งทั้งหมดขึ้นอยู่กับนายกฯคนใหม่ ยังไม่รู้ใครจะเป็น ส่วนกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์รายชื่อส.ว.นั้น ขอให้จำไว้ว่าอะไรที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว คือทรงมีพระราชวินิจฉัยลงมาแล้ว ทุกอย่างมีการตรวจสอบหมดแล้ว สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจและแยกแยะให้ออกว่าเวลาการเมืองเข้ามาก็เห็นมีคนเก่าๆ แล้วทำไมคนเหล่านี้ที่เป็นคนเก่าจะทำงานไม่ได้ ซึ่งต้องสานต่องาน ตนจึงต้องเลือกคนที่รู้งานมาส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะมี 250 คน 

เมื่อถามว่า ส่วนใหญ่ส.ว.มักเป็นพี่-น้องกัน พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แล้วมีใครไม่เป็นพี่เป็นน้องกันบ้าง มีใครไม่รู้จักตนบ้าง ไม่รู้จักพี่ป้อม พี่ป๊อก ซึ่งรู้จักกันทั้งหมด เพราะทำงานกันมา 5 ปี สื่อไม่รู้จักตนหรือ ตนก็เป็นคนเก่า ส่วนความคาดหวังที่กลับมาเป็นนายกฯต่อนั้น ไม่ได้หวังอะไร อย่ามาถามความหวังกับตน ทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน ส่วนกระแสพรรคการเมืองสนับสนุนพรรคพลังประชารัฐจะทำให้มั่นใจว่าจะกลับมาเป็นนายกฯต่อหรือไม่นั้น ตนก็ไม่รู้ อย่าไปคาดการณ์ก่อน เพราะยังไม่มีการประชุมเปิดสภา ซึ่งจะทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปิดสภาก่อนตามขั้นตอน จากนั้นก็จะเลือกประธาน เลือกนายกฯ และจัดตั้งคณะรัฐมนตรี(ครม.)

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงนิยามการเป็นนายกฯต่อ หากได้กลับมา ว่า ตนก็จะทำให้ดีกว่าเดิม และต้องดีขึ้นเรื่อยๆ หากเราไม่สร้างแรงศรัทธาไว้ในใจว่าต้องดีขึ้น ตนก็คงลากลับบ้านไปนานแล้ว แต่ตนตั้งมั่นว่าต้องดีขึ้น ซึ่งก็มีหลายอย่างดีขึ้น ทำไมไม่มองตรงนี้ รวมถึงเศรษฐกิจ การลงทุน โครงสร้างพื้นฐานก็ดีขึ้น อีกทั้งออกกฎหมายได้ 500 ฉบับ ซึ่งออกมาโดยคนพวกนี้ที่เป็นสนช.และมาเป็นส.ว.ที่ทำมาตลอดและทำความดีมาพอสมควร ดังนั้นอย่าไปติติงกันมากนัก ยังไงก็หนีกันไม่พ้น และขอให้ดูว่านักการเมืองเข้ามามีคนใหม่กี่คน

พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เรียกร้องให้เปิดเผยรายชื่อคณะกรรมการสรรหาส.ว. ว่า ทุกคนก็รู้อยู่แล้วว่าใครเป็นประธาน และการคัดสรรก็ไม่ใช่ตนและไม่ใช่อยู่ดีๆไปจิ้ม แต่ต้องไปพิจารณาก่อนว่าใครสมัครใจและคัดเลือกจากผู้ที่สมัครเข้ามา ผ่านคณะทำงานและมีคสช.คัดกรอง ไม่ใช่ตนคนเดียว ขอให้ เกียรติกันบ้างตนไม่ได้ทำอะไรเสียหาย

เมื่อถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา ที่มีรายชื่อเป็นส.ว.ด้วย และขุดประวัติการขาดประชุมสนช.ในอดีตมาโจมตี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า  ทำไมเขาเป็นอะไร เรื่องดังกล่าวมีการสอบสวนและชี้แจงมาแล้ว ทางสภาและประธานสภาก็ชี้แจงมาแล้วทำไมไม่จบเสียที นอกจากนี้กรณีมีการโจมตีเรื่องงบประมาณ 1,300 ล้านที่ใช้ในการคัดสรรส.ว.นั้นกกต.เป็นผู้คัดสรร 50 คน ซึ่งคัดจากจำนวน 1,000 คน ก่อนจะพิจารณาโดยคณะกรรมการตรวจสอบคุณสมบัติจนเหลือ 50 และอไหล่ 50 ถึงหากตัวจริงป่วยก็ต้องเลื่อนสำรองขึ้นมา อย่างไรก็ตามอย่ารังเกียจทหาร เพราะส่วนใหญ่ก็เกษียณอายุกันหมดแล้ว 

พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงกรณีที่นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ชี้แจงกรอบเวลาและระบุว่า ภายในเดือนนี้จะเห็นนายกฯคนใหม่ ว่า วันที่ 24 พ.ค. ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ เปิดสภา หลังจากนั้นสภาก็ต้องรีบดำเนินการโดยขั้นตอนแรกก็จะเลือกประธานสภาจากนั้นก็เปิดสองสภาและเลือกนายกฯ จึงเชื่อว่าทุกอย่างจะจบภายในเดือนมิ.ย. 

เมื่อถามว่าใจเต้นหรือไม่ที่จะได้เห็นนายกฯ คนใหม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "เต้นจนเลิกเต้นไปนานแล้ว 5 ปีเต้นแล้วเต้นอีก เต้นจนจะหลุดนอกเบ้าหลายรอบ แต่ก็กลับมาที่เก่าแล้ว เพราะอะไรจะเกิดก็เกิดไป เป็นเรื่องชะตาชีวิตของพวกเราทุกคนและประเทศไทย"

เมื่อถามย้ำว่า พร้อมใช่หรือไม่หากมีมติเลือกให้กลับมาเป็นนายกฯอีก นายกฯ กล่าวว่า "แล้วไง ถ้าเขาเลือกแล้วผมจะป่วยทันทีเลยหรือไง มันก็ไม่ใช่ ผมไม่รู้ ถ้าเขาไว้ใจผมก็พร้อม และสิ่งแรกที่จะทำหากกลับมาเป็นนายกฯนั้น ก็ต้องทำให้สงบไง ทำให้สภาสงบแล้วทำไม ไม่บอกเขาให้ทำให้สงบบ้างล่ะ อยู่ที่พวกเรานั่นแหละ ทุกคนต้องเคารพ และให้เกียรติซึ่งกันและกัน และตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติบ้านเมือง ซึ่งหลายคนก็เป็นนักการเมืองและรัฐบาลเก่ามาทั้งสิ้น ผมคิดว่าทุกคนมีจิตปรารถนาดีมันอยู่ที่หัวหน้ารัฐบาลที่จะทำให้ทุกคนร่วมมือกันได้รักกัน เพื่อประชาชนและเพื่อพวกเราทุกคน ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งวันหน้าก็มีการตรวจสอบเยอะแยะอยู่แล้ว ผมก็คงไม่เอาตัวให้เสี่ยงมากมายเพราะมีกฎหมายและกติกา สโลแกนคือหายใจเข้าไว้และทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ"

ทั้งนี้ในช่วงท้าย นายกฯ ได้กล่าวแสดงความยินดี กับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ที่ได้ถูกรับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ โดยกล่าวเพียงสั้นๆว่า "ดีใจด้วย".