เมื่อวันที่ 17 พ.ค. นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวผ่านการถ่ายทอดสดทางเฟซบุ๊
กส่วนตัว ถึงท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ว่
าจะเข้าร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลกั
บพรรคพลังประชารัฐ ว่า ตนจะเสนอความเห็นส่วนตัวต่อที่
ประชุมร่วมระหว่างคณะกรรมการบริ
หารพรรคกับ ส.ส. ถึงท่าทีการเข้าร่วมรัฐบาล โดยส่วนตัวตนเห็นว่าถ้
าพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าร่วมรั
ฐบาลกับขั้วของพรรคพลังประชารัฐ ตนไม่ขัดข้อง แต่มีเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลกั
บพรรคพลังประชารัฐ 5 ข้อ คือ 1.รัฐบาลที่พรรคพลังประชารัฐเป็
นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล จะต้องไม่มีชื่อพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในระหว่างการรณรงค์หาเสียง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคในขณะนั้น ประกาศจุดยืนชัดเจนว่าไม่สนั
บสนุนพล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯ 2.พรรคประชาธิปัตย์ต้
องเคารพคะแนนเสียง 3.9 ล้านคะแนนที่ประชาชนมอบให้ เพื่อแสดงออกร่วมกั
บพรรคในการไม่สนับสนุนพล.อ.
ประยุทธ์ ซึ่งพรรคจะไม่หักหลังผู้ร่วมอุ
ดมการณ์ของเรา
นายเทพไท กล่าวอีกว่า 3.พรรคประชาธิปัตย์ได้ประกาศอุ
ดมการณ์อย่างชัดเจนตั้งแต่วันก่
อพรรคจนถึงบัดนี้ เป็นเวลาร่วม 73 ปี ในการต่อต้านเผด็จการทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการทหารหรื
อเผด็จการรัฐสภาก็ตาม เพราะเราเชื่อมั่
นในระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์เป็นประมุข 4.พล.อ.ประยุทธ์ได้เปลี่
ยนสถานะของตัวเอง จากผู้วางตัวเป็นกลางทางการเมื
อง มาเป็นคู่ขัดแย้งทางการเมืองเสี
ยเอง เพราะพล.อ.ประยุทธ์ได้เลือกข้
างทางการเมือง ยอมรับการถูกเสนอชื่อเป็นนายกรั
ฐมนตรี ในนามพรรคพลังประชารัฐไปแล้ว 5.ตลอดระยะเวลา 5 ปีในการบริหารประเทศของพล.อ.
ประยุทธ์สร้างความเสียหายให้กั
บประเทศชาติ ล้มเหลวในการแก้ปัญหาปากท้
องของประชาชน จึงไม่ควรมาเป็นนายกรัฐมนตรี 8.ดังนั้น เมื่อสถานการณ์ทางการเมื
องในขณะนี้ มีความก่ำกึ่งของคะแนนเสียงสนั
บสนุนขั้วการเมืองทั้งฝ่าย ทางออกของประเทศ คือการจัดตั้งรัฐบาลปรองดองแห่
งชาติ โดยมีคนกลางเป็นนายกรัฐมนตรีบริ
หารประเทศ 2 ปี แล้วยุบสภาคืนอำนาจให้ประชาชน เพื่อเลือกตั้งใหม่ต่อไป
นายพิเชษฐ พันธุ์วิชาติกุล อดีตส.ส.กระบี่ พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ว่า “ขณะนี้ในพรรคปชป.มีปัญหาว่า จะเอาตู่ หรือไม่เอาตู่ ผลการเลือกตั้งหัวหน้าและกก.บห. ที่ผ่านมาปรากฎว่าเสียง “ไม่เอาตู่” ชนะทุกกระดาน”
ทั้งนี้ นายพิเชษฐ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า ตนวิเคราะห์จากการเลือกหัวหน้าพรรค ในทุกกระดาน นายจุรินทร์ ลักษณวิศิฎ์ หัวหน้าพรรค ก็มีจุดยืนเหมือนนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ส่วนนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรค จุดยืนก็อยู่ทางนี้ หรือแม้แต่ตำแหน่งอื่นๆ มีเพียงกระดานสุดท้ายที่เลือก ที่เขาเรียกว่าเวทีตะลุมบอนเลือกกรรมการบริหารพรรค ที่มีอดีตสมาชิก กกปส.เล็ดลอดเข้ามาได้บ้าง แต่ส่วนตัวตนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ตั้งแต่3-4 ปีแล้ว ส่วนว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน เหตุการณ์จะไปเอง และตนเป็นคนพูดว่าพรรคประชาธิปัตย์ควรเป็นฝ่ายค้านอิสระก่อนใคร เพราะยังดีกว่าไปเอาพล.อ.ประยุทธ์.