'บิ๊กตู่'รับอยากให้'บิ๊กป้อม'อยู่ต่อ ย้ำกระทรวงเกรดเอต้องให้'พปชร.'
การเมือง
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ ว่า เป็นเรื่องของแต่ละพรรคที่เสนอขึ้นมา ตนต้องเคารพเสียงประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองมา ซึ่งแต่ละพรรคล้วนมีนโยบายดีๆ ก็ต้องยอมรับให้เข้ามาในคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่าคิดว่าเป็นการให้เก้าอี้ และตนได้เตือนกับพรรคการเมืองหลายอย่างแล้วว่าหลายอย่างทำไม่ได้แบบเดิม เพราะติดกฎหมาย รวมถึงคณะตรวจสอบ และอยู่ในการจับตาของประชาชนส่วนที่หลายฝ่ายกังวลเรื่องตนจะมีปัญหาในการถูกอภิปรายในสภานั้น เชื่อว่าชี้แจงได้ ขออย่าใช้คำว่ากลัวหรือไม่ ขณะที่บุคคลที่เหมาะจะเป็นประธานสภานั้น จะต้องเป็นคนที่รู้เรื่องงานในสภา ไม่ว่าในสภาอะไรก็แล้วแต่ ส่วนที่มีชื่อนายบัญญัติ บรรทัดฐาน จากพรรคประชาธิปัตย์ ถูกเสนอชื่อเป็นประธานสภานั้น ส่วนตัวไม่ทราบ ก็คงมีการคุยกันอยู่ ตำแหน่งประธานสภาต้องทำหน้าที่ด้วยความเป็นธรรม ถูกต้องตามครรลอง ไม่ใช่ทำตามใจ และขอแสดงความยินดีกับหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่ด้วย
เมื่อถามว่ารัฐบาลผสมจากหลายพรรค อาจเกิดความไม่พอใจในการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า สื่อต้องช่วยกันทำให้สังคมเรียนรู้ว่า นี่เป็นการจัดตั้งของรัฐบาล เมื่อมาอย่างนี้ก็ต้องไปอย่างนี้ ทุกคนให้ความสำคัญต่อการเลือกตั้ง ขณะที่แกนนำพรรคพลังประชารัฐก็ไม่ได้เข้ามาหารือกับตนเลย ต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของพรรคไปก่อน แต่ท้ายที่สุดคนที่ตัดสินใจ คือนายกฯคนใหม่ ซึ่งจะได้ใครก็ยังไม่รู้เลย เพราะยังมีเต็ง2,3 อยู่ด้วย
เมื่อถามว่า มี 4 กระทรวงคือ กระทรวงกลาโหม มหาดไทย คลัง คมนาคม ไม่สามารถให้พรรคร่วมได้ใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ก็ควรจะอยู่กับฝ่ายความมั่นคงและพรรคหลักหรือไม่ เพื่อดูแลให้เดินหน้าไปได้ ขอย้ำว่าผมไม่หวงผลประโยชน์ ผมไม่เคยมีผลประโยชน์ ส่วนกระทรวงการคลังและคมนาคม เขาคุยกันอยู่ ให้เขาคุยกันก่อน ถ้าผมเป็นนายกฯก็ค่อยมาดูกันอีกที ซึ่งไม่น่าเปลี่ยนแปลง ถ้าคุยกันได้ แต่ละพรรคขออย่ากังวล เพราะผมให้เกียรติทุกพรรค และหลักการที่จะต้องดูสัดส่วนความเหมาะสมของพรรคร่วม ทั้งคะแนนการเลือกตั้งมาพิจารณาด้วย ส่วนใครจะเหมาะสมตรงไหน ก็ค่อยว่ากันอีกที เราจะเดินหน้าไปแบบนี้ แม้คะแนนใกล้เคียงกัน ก็ขอให้บ้านเมืองไปได้ก่อนจะได้ไหม”
เมื่อถามว่า อยากให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม อยู่ช่วยงานต่อหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ถ้าพูดถึงอยาก ก็โอเค อยาก เพราะไว้ใจกันมา แต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวท่านเองด้วย ว่าจะรับแค่ไหน รวมถึงเรื่องสุขภาพด้วย ผมเป็นห่วงกังวลตรงนี้ ส่วนได้ชวนพล.อ.ประวิตรแล้วหรือไม่นั้น เรื่องอย่างนี้ไม่ต้องชวน ถึงเวลาก็คุยกัน แต่ยังไม่ได้ถามท่าน รวมถึงพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย จะมาช่วยงานหรือไม่ ก็แล้วแต่ท่าน เพราะวันนี้ไม่ใช่แค่ผมเพียงคนเดียว”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวถึงการบริหารจัดการพรรคร่วมที่มีกว่า 20พรรค ว่า ขึ้นอยู่กับการพูดคุยร่วมมือกัน ไม่ว่าจะ 30 หรือ 50 พรรค ก็ช่าง แต่ต้องดูว่าทุกคนทำจริงอย่างที่กล่าวว่าทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลักหรือไม่ ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสิน แล้ววันหน้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงอีกก็ได้ วันหน้าจะเป็นอะไรก็ยังไม่รู้ ส่วนตัวถ้าไม่เป็นก็กลับบ้านนอน แล้วทุกคนจะคิดถึงตน อย่างไรก็ตามวันนี้ไม่อยากให้คำว่าต่อรองตำแหน่งกัน เพราะเป็นหารือกันถึงความเหมาะสมกับตำแหน่ง และย้ำตนไม่ได้พูดคุยกับพรรคอื่นๆ เพราะเป็นเรื่องของพรรคพลังประชารัฐ ส่วนที่หลายฝ่ายกังวลว่ารัฐบาลผสมจะมีอายุไม่ยืนนั้น คิดว่า ไม่ยืดก็ไม่ยืด ก็แล้วแต่ว่าเราจะทำให้ยืดหรือไม่ แต่ต้องให้เวลาในช่วงเปลี่ยนผ่านบ้าง ต้องยอมรับกติกาประชาธิปไตย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนต้องปรับอีก เช่น การพูดให้ช้าลง ทำหน้างอให้น้อยลง เป็นต้น
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในส่วนของพรรคภูมิใจไทย ไม่ทราบว่าจะได้ตำแหน่งรมว.งสาธารณสุข ไปเพื่อเดินหน้าเรื่องกัญชาเสรีหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกันอีก ส่วนจะมีความเป็นไปได้หรือไม่ที่จะให้พรรคร่วมมาเสริมทีมเศรษฐกิจของนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯนั้น ก็สามารถช่วยได้หลายอย่าง เป็นรัฐมนตรี รัฐมนตรีช่วย ที่ปรึกษา หรือผู้ช่วยรัฐมนตรีก็ได้มีตำแหน่งจำนวนมาก ถ้าทุกคนมุ่งแต่จะเป็นนายกฯ เป็นรัฐมนตรีก็มีตำแหน่งเดียว ส่วนที่มีการปรามาสรัฐบาลหน้าอายุไม่ยาวนั้น ก็ขึ้นอยู่กับประชาชนทั้งประเทศ สื่อและโซเชียลมีเดียขอร้องให้ลดเรื่องเฮดสปีด ขอร้องคนไทยด้วยกันต้องอยู่ประเทศนี้แยกกันไม่ได้ ข่าวลือก็คือข่าวลือ เปิดเจอเห็นข่าวตั้งรัฐบาลกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตามเมื่อไม่มีมีมาตรา 44แล้ว ก็ต้องใช้กลไกประชาธิปไตยเต็มที่
ผู้สื่อข่าวถามว่า ที่นายกฯ ระบุว่ายังไม่ร้จะได้ใครเป็นนายกฯ เพราะยังไม่มั่นใจใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการโหวตเลือกในสภา เมื่อถามว่า ระยะปลอดภัยในการลงมติในสภาเสียงควรมีเท่าไหร่ นายกฯกล่าวว่า ถ้าลาถูกต้องทุกคนมีสิทธิการลา แต่ในวาระสำคัญควรจะอยู่ โดยเฉพาะช่วงจะเป็นประชาธิปไตยควรจะอยู่มีส่วนร่วม
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่การที่ 2 ฝ่ายมีเสียงใกล้เคียงกัน อาจเกิดการต่อรองจากพรรคร่วม พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า "ช่างเขาถ้าเขาไม่รักประเทศชาติก็ปล่อยเขา นี้เป็นความรับผิดชอบของทุกคน ผมเป็นคนไทย นักการเมืองก็คนไทย แล้วเราจะมาทำลายกันเองทำไมด้วยความคิดเห็นไม่ตรงกันหรือ มันก็ไม่ใช่เอาประเทศชาติมาเป็นเดิมพันเมื่อไหร่ และอยากให้หลังจากนี้ทุกอย่างดีขึ้น".