ข่าว"กอบศักดิ์"บินจีนถกแก้ปัญหาฝุ่นพิษแบบยั่งยืน - kachon.com

"กอบศักดิ์"บินจีนถกแก้ปัญหาฝุ่นพิษแบบยั่งยืน
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 18 พ.ค. นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ตนพร้อมด้วยนักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย ได้เดินทางไปเมืองซีอาน ประเทศจีน เพื่อพบ ศาสตราจารย์ Junji Cao ผอ.สถาบันวิจัยสิ่งแวดล้อมโลก สังกัดสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน (Institute of Earth Environment, Chinese Academy of Sciences: IEECAS) ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญระดับโลกเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ทั้งนี้เมืองซีอานซึ่งเป็นหนึ่งในเมืองของจีนที่ประสบภัยรุนแรงด้านอากาศหายใจ เหมือนกับกทม. และภาคเหนือของไทย สถาบันจึงได้ทดลองสร้างหอคอยฟอกอากาศต้นแบบ สูง 60 เมตร 1 หอ พบว่าสามารถช่วยลดฝุ่นควัน PM 2.5 ได้กว่า 7 กิโลกรัมต่อวันหรือคิดเป็นกว่า ร้อยละ 10 ของจำนวนฝุ่น PM2.5ใน พื้นที่10 ตารางกิโลเมตร นอกจากนี้ ยังคิดค้นพัฒนานวัตกรรมอื่นๆ เช่นเสาฟอกฝุ่นขนาดเล็ก ซึ่งสามารถใช้ในพื้นที่ทั่วไป ตลอดจนฟิวเตอร์กรองอากาศ เพื่อผลิตอากาศสะอาดให้ผู้ป่วยและเยาวชน ในโรงพยาบาลและโรงเรียน


โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหาฝุ่นควัน PM2.5 ของไทยนั้น เรามีความจำเป็นที่จะต้องออกมาตราการเพื่อแก้ไขต้นตอของปัญหา เช่น การลดการปลูกพืชเชิงเดี่ยว การปลูกป่าเปียก การปลูกพืชที่มีคุณค่า การลดการใช้รถยนต์ดีเซลที่ไม่ได้มาตรฐานไอเสีย การลดการปล่อยมลพิษของโรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น แต่ในระยะสั้นและระยะกลาง การนำเทคโนโลยีการฟอกอากาศต่างๆ เช่นหอคอยฟอกอากาศของจีนมาปรับใช้กับไทย จะสามารถช่วยบรรเทาความเข้มข้นของฝุ่นควัน PM2.5ได้ และเป็นหนึ่งในทางออกการแก้ปัญหาที่พรรคพลังประชารัฐกำลังศึกษาอย่างละเอียดต่อไป


“ขณะเดียวกัน ได้ตั้งคณะทำงานเฉพาะ เพื่อศึกษารายละเอียดนโยบายเฉพาะในแต่ละด้าน เช่น การลดการเผา การป้องกันการลุกลามของไฟ การควบคุมและบูรณาการประสานงานแก้ปัญหา การนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาใช้แก้ปัญหา เช่น การสนับสนุนรถไฟฟ้า ร่วมทั้ง การร่วมร่างกฏหมายอากาศสะอาด การแก้กฎหมายด้านสิ่งแวดล้อม และการสร้างความรับรู้ความเข้าใจเรื่องฝุ่น โดยเร็วๆนี้ พรรคจะมีบทสรุป มีนโยบายที่เป็นรูปธรรม ออกมาเพื่อใช้แก้ปัญหาเรื่องฝุ่นพิษอย่างยั่งยืนเป็นระบบ เพื่อตอบโจทย์ของประเทศและพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบ” โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าว.