"รมว.เกษตรฯ"ฟุ้งปีนี้ราคายางพาราดีขึ้นชัวร์
การเมือง
นายกฤษฏา ยังส่งข้อความผ่านแอพลิเคชันไลน์ด่วนที่สุดเรื่องเร่งชี้แจงมาตรการจำกัดการส่งออกยางพาราตามความสมัครใจ ให้ปลัดกระทรวงเกษตรฯ ผู้ตรวจราชการ และรักษาการผู้ว่าการยางแห่งประเทศไทย(กยท.) ตามที่มีสื่อบางแห่งลงข่าวเรื่องการจำกัดการส่งออกยางพาราที่บริษัทร่วมทุนยางระหว่างประเทศ(IRCO)โดยอินโดนีเซียขอความความมือมา ในส่วนประเทศไทยโดยกระทรวงเกษตรฯได้ให้ความร่วมมือโดยขอให้ภาคเอกชนผู้ส่งออกพิจารณาให้ความร่วมมือในการจำกัดการส่งออกยางพาราตามศักยภาพและความสมัครใจของออกชนแต่ละราย ไม่ได้มีการบังคับใช้อำนาจตามพ.ร.บ.ควบคุมยางพ.ศ.2542 มาจำกัดการส่งออกยางพาราไปจำหน่ายยังต่างประเทศแต่อย่างใดประกอบกับขณะนี้ประเทศไทยมีนโยบายให้ภาครัฐใช้ยางพารามาเป็นส่วนผสมในการก่อสร้างทำถนนและเส้นทางคมนาคมต่างๆทั่วประเทศ จึงคาดการณ์ได้ว่าตั้งแต่ปี 2562 เป็นต้นไปประเทศจะมีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มมากขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมาอยู่แล้วด้วย
“จึงขอให้ชี้แจงทำความเข้าใจกับภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องและสื่อมวลชนต่างๆทราบต่อไปด้วย ขอให้สำนักเกษตรต่างประเทศ สป.กษ.รวมทั้ง กยท.และสำนักงานทูตเกษตรทุกแห่งเร่งแปลข้อความชี้แจงของรมว.กษ.ให้ภาคเอกชนในประเทศนั้นๆรวมทั้งในตลาดซื้อขายยางพาราล่วงหน้าในต่างประเทศทราบด้วย”นายกฤษฏา กล่าว
ทั้งนี้ กยท. รายงานสถานการณ์ราคายางวันที่ 17 พ.ค. โดยราคายางแผ่นรมควันอยู่ที่ 53.25 บาทต่อกิโลกรัม ส่วนราคาประมูลที่ตลาดกลางยางพารา ยางแผ่นดิบไม่มียางเข้าตลาด สำหรับราคายางแผ่นรมควัน เฉลี่ยอยู่ที่ 53.40 บาทต่อกิโลกรัม ราคายางปรับตัวตามตลาดล่วงหน้าต่างประเทศและผู้ส่งออกยางธรรมชาติของไทยมีความต้องการยางเพิ่มขึ้นเนื่องจากยางเข้าตลาดน้อยและผู้ประกอบการมีปริมาณยางคงคลังอยู่ในระดับต่ำ
ด้านนายณกรณ์ ตรรกวิรพัท รองผู้ว่ากยท. กล่าวว่า ปริมาณยางพาราที่ไทยจะลดการส่งออกใน 4 เดือน รวม 126,260 ตันโดยคำนวณจากผลผลิตยางในปี 2561 ตามสถิติของ สมาคมประเทศผู้ผลิตยางธรรมชาติ (ANRPC) จึงแบ่งสัดส่วนแก่ผู้ส่งออกยาง 64 รายที่ส่งออกมากกว่า 3,000 ตันขึ้นไปจะลดปริมาณการส่งออกลงร้อยละ 9.76 แต่หากผู้ส่งออกรายใดได้ใช้สิทธิ์ในเดือนใดเดือนหนึ่งน้อยกว่าปริมาณที่ได้รับจัดสรรเฉลี่ยต่อเดือนสามารถนำส่วนที่เหลือไปใช้สิทธิ์ในเดือนอื่นได้ให้ครบตามโควต้า
นายณกรณ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากข้อมูลการส่งออกยางที่รวบรวมโดยกรมศุลกากร ในปี 2561 มีปริมาณรวม 4,300,547 ตัน โดยยาง 5 ชนิดที่ควบคุมมีปริมาณ 4,213,773 ตันจากผู้ประกอบการทั้งหมด 190 ราย แต่รายที่ส่งออกตั้งแต่ 3,000 ตันขึ้นไปมี 64 ราย สำหรับผู้ส่งออกยางที่ไม่มีประวัติการส่งออกตามข้อมูลของกรมศุลกากรระหว่างวันที่ 20 พ.ค.-19 ก.ย. 61 ให้ใช้จำนวนสถิติล่าสุดหรือทำแผนการส่งออกในช่วงเวลาดังกล่าวมาพิจารณา ทั้งนี้ผลจากการหารือ ผู้ส่งออกยินดีร่วมมือเพื่อจะให้เกิดผลในการรักษาเสถียรภาพราคายางพารา ที่จะประกอบกับมาตรการส่งเสริมการใช้ยางภายในประเทศของกระทรวงเกษตรฯ ซึ่งจะทำให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น.