2ขั้ว"จุรินทร์-เฉลิมชัย"เห็นต่างปมร่วมรัฐบาล
การเมือง

นายเทพไท กล่าวอีกว่า ขณะนี้ทั้ง 2 ขั้วมีเสียงที่ก้ำกึ่งกันมาก ดังนั้นพรรคที่อยู่ตรงกลางซึ่งสามารถสวิงได้มากที่สุด คือพรรคประชาธิปัตย์ที่มี ส.ส. 52 เสียง จากข่าวที่ว่าพรรคประชาธิปัตย์มีความได้เปรียบในการที่จะเข้าไปสวิงร่วมกับขั้วไหนก็ได้นั้น ทำให้มีผู้วิเคราะห์ว่าประธานสภาฯ น่าจะเป็นคนของพรรคประชาธิปัตย์ ส่งผลให้มีชื่อของนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรค ปรากฎออกมา เพราะถ้าคนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นประธานรัฐสภา ก็ถือเป็นคนกลาง ในการคุมฝ่ายนิติบัญญัติ เพื่อให้เกิดดุลระหว่างขั้วของพรรคพลังประชารัฐกับขั้วของพรรคเพื่อไทย ทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้ต่อสู้กันต่อ แต่แน่นอนที่สุดคือหลังการประชุมสภาฯ เพื่อเลือกประธานและรองประธานสภาฯไปแล้วนั้น หลังจากนั้นไป 5 วัน จะเข้าสู่การประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นต่อจากนี้ ต้องจับตามองท่าทีของพรรคประชาธิปัตย์ และใครจะเป็นประธานสภาฯ รวมถึงสิ้นเดือนพ.ค.นี้ พรรคต่างๆจะมีมติเลือกใครเป็นนายกฯคนใหม่
นายเทพไท กล่าวว่า สำหรับภายในพรรคประชาธิปัตย์ ตนเชื่อว่าครั้งนี้เป็นอีกครั้งที่คนในพรรคจะมีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเพื่อที่จะให้ตกผลึกความคิดว่าจะเข้าร่วมรัฐบาลรู้หรือไม่ ฉะนั้น ผู้ที่เป็นกรรมการบริหารพรรคต้องชั่งน้ำหนักผลดี-ผลเสีย อนาคต อุดมการณ์ของพรรค รวมถึงทิศทางของประเทศและผลประโยชน์ของประชาชนว่าควรจะไปทิศทางไหน โดยตัวแปรที่สำคัญที่สุดในการเมืองขณะนี้อยู่ที่พรรคประชาธิปัตย์ ส่วนพรรคอื่นอาจจะมีธงคำตอบในตัวอยู่แล้วก็มีการเดินเกมกันเพื่อการต่อรองทางการเมือง แต่พรรคประชาธิปัตย์ไม่มีการต่อรองทางตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น และยังไม่ได้มีการเตรียมการที่จะเข้าร่วมรัฐบาลกับขั้วใดๆตามกระแสข่าวลือที่ถูกปล่อยออกมา.