"เสี่ยหนู"ยังกั๊กร่วมรบ.จ่อปล่อยส.ส.ฟรีโหวต
การเมือง

นายอนุทิน กล่าวเปิดงานตอนหนี่งว่า คำว่าผู้แทนของราษฎร ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้แทนของคนในพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น แต่เป็นผู้แทนของทุกคน ไม่ว่าจะเลือกหรือไม่เลือกเรา ประชาชนทุกคนคือเจ้านายของเรา เวลาอยู่ในสภาฯจะอภิปรายจะต้องมีคำว่า สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรผู้ทรงเกียรติ อย่าปฏิบัติตนให้คำว่าผู้ทรงเกียรติไม่มีความหมาย การปฏิบัติตนทุกเรื่องต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ เปิดเผย โปร่งใส ไม่มีวาระซ่อนเร้น นอกจากนี้ในวันที่ 24 พ.ค. ที่จะมีรัฐพิธีเปิดรัฐสภาขอให้ส.ส.ของพรรคมารวมตัวกันที่ทำการพรรคก่อน และเดินทางไปกระทรวงการต่างประเทศพร้อมกันโดยรถบัส เพราะตนต้องการเห็นส.ส.ของพรรค เดินไปไหนด้วยกันเป็นกลุ่มก้อนเดียวกัน พร้อมกำชับว่าทุกคนเป็นผู้แทนของราษฎรต้องรู้จักหัดพูด และแสดงความเห็น เพราะเราไม่ใช่แบบพวกมากลากไป ต้องมีความเป็นตัวเองอย่างเต็มที่ บางครั้งเส้นผมก็อาจบังภูเขา คำพูดบางคำอาจทำให้มีมาตรการใหม่ๆหรือความคิดใหม่เกิดขึ้น เราต้องเริ่มกันตั้งแต่วันแรกที่ทำหน้าที่

ทั้งนี้นายอนุทิน ให้สัมภาษณ์ว่า การประชุมสัมมนาวันนี้จะเน้นเรื่องวิชาการ เพราะส.ส.ทั้ง 51 คน มีหลายคนที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นส.ส.ครั้งแรก ส่วนตนก็ต้องเข้าร่วมการปฐมนิเทศด้วย เพราะถือเป็นส.ส.ป้ายแดง ทั้งนี้เมื่อ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนได้บอกให้ส.ส.ลงพื้นที่ไปรับฟังความคิดเห็นจากชาวบ้านเกี่ยวกับทิศทางของพรรคว่าต้องการให้เดินไปทางไหน โดยจะนำมาพูดคุยหารือในวันนี้ด้วย จากนั้นจะมีการหารือว่าพรรคต้องการมีบทบาทในสภาฯอย่างไร และใครมีความเชี่ยวชาญด้านใดบ้าง เพื่อจะมอบหมายให้ไปอยู่ประจำคณะกรรมาธิการต่างๆ เพื่อทำหน้าที่ตรวจสอบ ริเริ่ม และให้ความคิดเห็นในทุกมิติ
เมื่อถามว่า หากรับฟังความคิดเห็นของส.ส.ที่ไปฟังเสียงชาวบ้านมาแล้ว จะสามารถเคาะบทสรุปท่าทีของพรรคในวันนี้ได้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็ต้องรับฟังก่อน คนอื่นเขารอถึงวันที่ 23-24 พ.ค. ทำไมต้องมาเร่งตนด้วย เมื่อถามต่อว่า แต่หลายคนคาดหวังว่าพรรคภูมิใจไทยจะมีอะไรคืบหน้า นายอนุทิน กล่าวว่า สมมติตนจะตัดสินใจหรือจะทำอะไรก็เหมือนกับพรรคอื่นที่ต้องขอฉันทานุมัติจากส.ส.และกรรมการบริหารพรรคว่าจะให้ใครเป็นตัวแทนของพรรคในการตัดสินใจเรื่องทิศทางทางการเมือง ซึ่งก็น่าจะเป็นตน อาจจะมีอะไรในใจแล้วก็ได้ แต่ยังไม่จำเป็นต้องบอกตอนนี้ เพราะคนอื่นก็เลื่อนเหมือนกัน
เมื่อถามว่า พรรคภูมิใจไทยมีแนวโน้มจะเลื่อนเหมือนกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่ใช่ เราไม่ได้เลื่อน แต่ถามว่าวันนี้มีใครมาหาเราหรือยังก็ยังไม่มี อย่าลืมว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคลำดับที่ 5 ถามว่าพรรคลำดับที่ 1 จัดรัฐบาลหรือยัง จัดได้หรือไม่ ถ้าจัดไม่ได้ พรรคลำดับ 2 จัดหรือไม่ ยังมีพรรคลำดับที่ 3 ของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และพรรคลำดับที่ 4 อย่างพรรคประชาธิปัตย์อีก ซึ่งตอนนี้ตนดูจากข่าว ก็มีการบอกว่าพรรคภูมิใจไทยจะเป็นขั้วที่ 3 กับพรรคประชาธิปัตย์ ตนยืนยันว่ายังไม่ได้คุยอะไรกับพรรคประชาธิปัตย์

"ตอนนี้ต้องนิ่ง เพราะการนิ่งคือสิ่งที่ดีที่สุด ซึ่งต้องดูว่าความคิดเห็นของชาวบ้านเป็นอย่างไร เพราะผมจะต้องรับฟังจากส.ส.ทุกคน หรือผมอาจจะให้ส.ส.ทุกคนโหวตลับก็ได้ ว่าอยากไปในทิศทางไหน เพราะนี่เป็นประชาธิปไตย เราต้องรับฟังทุกมิติ ไม่ต้องสนใจแรงกดดันใดๆ เพราะพรรคจะไม่มีการชี้นำและโน้มน้าว วันนี้ขอให้ทุกคนปล่อยอารมณ์มาเต็มที่ว่าจะเอาอย่างไร ซึ่งผลการโหวต ผมจะอ่านคนเดียว แล้วก็จะไปนั่งบริกรรมของผม" นายอนุทิน กล่าว
เมื่อถามถึงกรณีสวนดุสิตโพลเปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นของประชาชน ระบุอยากเห็นรัฐบาลขั้วที่ 3 นายอนุทิน ย้อนถามว่า โพลไหน เพราะโพลนี้ก็ด่าทางนี้ โพลนู้นก็ด่าทางนู้น บอกไปทางนี้ อีกฝั่งก็ด่า บอกไปทางนี้ อีกฝั่งก็ด่า เพราะฉะนั้นต้องประเมินให้ถูก แต่ก็ไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร เพราะพูดไว้ชัดเจนว่าบ้านเมืองเป็นใหญ่ และประชาชนคือคนที่พรรคต้องคอยปกป้องและรักษาผลประโยชน์ ตนบอกชัดเจนแล้วว่าส.ส.500 คนต้องนำส.ว. 250 คน ดังนั้นยืนยันว่ารัฐบาลเสียงข้างน้อยจะไม่มีพรรคภูมิใจไทยแน่นอน เราต้องเป็นรัฐบาลเสียงข้างมากเท่านั้น
เมื่อถามว่า มีสื่อบางสำนักได้จัดทำโผคณะรัฐมนตรี(ครม.) ให้เป็นรมว.สาธารณสุข นายอนุทิน ยิ้มและกล่าวว่า ก็ดีเหมือนกัน เพราะตนเคยอยู่มา 2 สมัยแล้ว แต่ตอนนี้เรายังไม่ไปไกลถึงตรงนั้น สำหรับกระทรวงสาธารณสุขคนอาจมองว่าคุณพ่อของตนเคยเป็นอดีตรัฐมนตรีว่าการมาก่อน อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ทำงานได้ ไม่มีปัญหา หากได้เป็นจริงก็ถือเป็นเรื่องดี เนื่องจากนโยบายกัญชา จะได้ถูกผลักดันเป็นรูปธรรมมากขึ้น แต่ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าจะได้เป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล เพราะเรายังไม่ได้คุยอะไรกับใครเลย วันนี้คงจะได้รับฉันทานุมัติ ซึ่งตนก็ต้องนำไปคิดให้มาก เพราะเป็นเรื่องของบ้านเมือง จะมาทำอะไรตามอารมณ์และความรู้สึกไม่ได้ ต้องปล่อยวาง ต้องเป็นกลางมากๆ
เมื่อถามว่า นอกจากรอฟังความเห็นของประชาชนแล้ว ยังมีเงื่อนไขอื่นอีกหรือไม่ที่จะนำมาประกอบการตัดสินใจ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เพราะเงื่อนไขเรามี 4 ข้อ ที่ประกาศตลอดเวลา คือ 1.เรื่องความจงรักภักดี 2.เรื่องความตั้งใจทำงาน ซึ่งต้องไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด ไม่มีความขัดแย้ง ต้องรักประชาชน และต้องรับทุกนโยบายของพรรคภูมิใจไทยไปปฏิบัติเป็นรูปธรรม ดังนั้น หากจะไปคุยกับใครหรือฝ่ายไหน เราก็ต้องฟังเงื่อนไขของเขา และดูว่าเรารับได้หรือไม่ ใครจะมาบอกให้เราเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็ต้องฟังว่าเพราะอะไร และคนอื่นคิดว่าอย่างไร หรือถ้าเป็นฝ่ายค้านจะทำอย่างไร เงื่อนไขของเรา ท่านรับได้หรือไม่ โดยเฉพาะเรื่องกัญชา หากไม่มีใครเอาด้วย เราก็จะเป็นฝ่ายค้าน ณ วินาทีนั้น.