"กฤษฏา"สั่งปศ.ลงพื้นที่ทั่วประเทศเช็กนมโรงเรียน
การเมือง
นายกฤษฎา กล่าวว่า ในปีการศึกษา 2562 จำนวนนักเรียนจากฐานข้อมูลล่าสุดที่ได้รับจากกระทรวงศึกษาธิการ ที่นำมาคำนวนโควตาจัดสรรนมโรงเรียนให้มี 7,418,889 คน ส่วนปีการศึกษา 2561 มีนักเรียน 7,465,061 คน ลดลง 46,172 คน คำนวณแล้วใช้น้ำนมเพื่อผลิตนมโรงเรียนในปีนี้ 1,078.09 ตันต่อวัน ขณะที่ปีที่ผ่านมาใช้ 1,169.708 ตัน ลดลง 91.618 ตัน ดังนั้นผู้ประกอบการ 65ราย ที่ทุกรายจะได้รับการจัดสรรสิทธิน้อยลงตามสัดส่วนจำนวนนักเรียนที่น้อยลงด้วย จึงให้กรมปศุสัตว์เร่งทำความเข้าใจแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการส่วนใหญ่ ยืนยัน ไม่ใช้เด็กเป็นตัวประกัน พร้อมส่งนมทั่วประเทศ
สำหรับผู้ประกอบการบางรายที่ยังคงอ้างว่า ได้รับการจัดสรรปริมาณส่งนมโรงเรียนไม่เป็นธรรมนั้น ทางคณะกรรมการอาหารนมเพื่อเด็กและเยาวชนได้ดูแลให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียน ระดับกลุ่มพื้นที่ 5 กลุ่มซึ่งมีการเลี้ยงโคนมมาพิจารณาจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายนมโรงเรียน ตามข้อกำหนดในแนวทางปฏิรูปการบริหารจัดการนมโรงเรียนตามที่ครม. เห็นชอบ โดยใช้ทั้งข้อมูลจำนวนนักเรียน ปริมาณน้ำนมที่ผู้ประกอบการรวบรวม ได้ และขีดความสามารถของผู้ประกอบการในการให้บริการนมโรงเรียนในพื้นที่มาใช้ในการคำนวณ นอกจากนี้ยังได้กำชับปศุสัตว์จังหวัดให้ตรวจสอบทั้งปริมาณน้ำดิบ เป็นนมโคแท้หรือไม่ พร้อมกับทดสอบเนื้อนม ว่ามีปริมาณที่มีคุณภาพและตรวจนับเซลล์เม็ดเลือดขาวในน้ำนม (Somatic Cell) ให้เป็นไปตามมาตรฐานนมโรงเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้มีนมตกคุณภาพหรือบูดเสีย
ทั้งนี้หากผู้ประกอบการรายใดรู้สึกว่า การจัดสรรสิทธิและพื้นที่จำหน่ายไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อผู้ว่าราชการจังหวัด แล้วฟ้องศาลได้ตามขั้นตอนของกฎหมายได้ทันที ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ พร้อมดำเนินการตามคำพิพากษาของศาล ขอให้แยกประเด็นการส่งนมกับข้ออ้างเรื่องการจัดสรรไม่เป็นธรรมออกจากกันด้วย จะอ้างเป็นเหตุระงับไม่ยอมไปส่งนมไปยังโรงเรียนในบางพื้นที่ตามสัญญาที่มีอยู่แล้วไม่ได้ โดยมอบหมายให้ปศุสัตว์จังหวัดประสานขอความร่วมมือเกษตรจังหวัดทุกจังหวัดสั่งการให้เกษตรอำเภอทุกอำเภอลงไปตรวจเยี่ยมโรงเรียนในพื้นที่ทุกแห่งเพื่อสอบถามครู อาจารย์และนักเรียนว่า ได้รับนมตามสัญญาถูกต้องหรือไม่ รวมถึงตรวจสอบคุณภาพน้ำนมด้วย แล้วให้รายงานปัญหา อุปสรรค และข้อเสนอแนะของผู้บริหารโรงเรียนมายังส่วนกลางอีกทั้งให้เกษตรและสหกรณ์จังหวัดประสานงานกับปศุสัตว์จังหวัดเพื่อเข้าไปพบ แล้วรายงานต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเกี่ยวกับการสถานภาพโครงการนมโรงเรียนให้ทราบทุกระยะ หากมีปัญหาต้องขอความกรุณาผู้ว่าฯ สั่งการหรือประสานงานในอำนาจหน้าที่ของจังหวัดเพื่อแก้ไขปัญหาเร่งด่วน
“ได้สั่งการให้อธิบดีกรมปศุสัตว์ตั้งศูนย์บริหารจัดการโครงการนมโรงเรียนไว้ในส่วนกลางเพื่อประสานงานและแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้นในพื้นที่ทั่วประเทศอย่างทันท่วงที” นายกฤษฎากล่าว
นายกฤษฎา กล่าวเพิ่มเติมว่า ได้มอบหมายปลัดกระทรวงฯ และอธิบดีกรมปศุสัตว์เร่งทำความเข้าใจกับผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์นมในโครงการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนด้วยว่า ขณะนี้จำนวนนักเรียนในแต่ละปีมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องจึงมีผลให้ปริมาณความต้องการอาหารเสริม (นม) โรงเรียนลดลงด้วย ผู้ประกอบการและเกษตรกรผู้เลี้ยงโคนมต้องเตรียมแผนการตลาดและการเลี้ยงโคนมให้สอดคล้องกับปริมาณความต้องการ (Demand) นมในตลาดด้วย.