ตลาดจีนกรุยทาง!หนุนสหกรณ์สร้างโรงงานทุเรียนแช่แข็ง
การเมือง


ทั้งนี้ช่วงเวลา 3-4 ปีที่ผ่านมา เกษตรกรจังหวัดจันทบุรีได้ปรับเปลี่ยนพื้นที่การเกษตร จากเคยปลูกยางพารา กล้วยไข่และเงาะ หันมาปลูกทุเรียนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเห็นว่าได้ราคาดี ซึ่งราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้นจากที่เคยขายได้กิโลกรัมละ 60 บาท ปัจจุบันราคาพุ่งสูงไปจนถึงกิโลกรัมละ 150 บาท สหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัด จึงเตรียมแผนรองรับปัญหาผลผลิตกระจุกตัวและล้นตลาดในอนาคต พร้อมจะยกระดับสู่การเป็นศูนย์กลางการแปรรูปผลไม้เพื่อการส่งออก อาคารห้องเย็นนี้เริ่มใช้ประโยชน์ตั้งแต่กลางเดือนเมษายน 2562 ที่ผ่านมา โดยสหกรณ์ได้รับซื้อผลทุเรียนสด แต่ตกไซส์ มีตำหนิ ลูกไม่สวย ซึ่งไม่สามารถจำหน่ายเป็นผลสดได้ นำมาแปรรูปโดยแกะเนื้อ ผลิตเป็นทุเรียนแช่แข็ง และเพิ่มมูลค่าโดยกระบวนการ Freeze dry ก่อนส่งจำหน่ายตลาดในประเทศจีนเนื่องจากพฤติกรรมผู้บริโภคในประเทศจีนเปลี่ยนแปลงไป โดยครอบครัวคนจีนในเมืองใหญ่มีขนาดเล็กลงทำให้ความต้องการบริโภคทุเรียนจากเดิมที่เคยซื้อทั้งผล เปลี่ยนเป็นการซื้อทุเรียนแบบแกะเนื้อบรรจุกล่องหรือถาดขนาด 1-2 พู พอดีสำหรับจำนวนสมาชิกครอบครัว ทำให้สหกรณ์มองเห็นโอกาสในการจะขยายตลาดทุเรียน จึงนำทุเรียนที่สุกแล้วมาแกะเนื้อแล้วแช่แข็งส่งไปขายผู้บริโภคในประเทศจีน ซึ่งทุเรียนเป็นผลไม้ที่ชื่นชอบของชาวจีนเป็นอย่างมากโดยเฉพาะทุเรียนที่มาจากเมืองไทย

ทั้งนี้ โรงงานห้องเย็นของสหกรณ์การเกษตรเขาคิชฌกูฏ จำกัด สามารถผลิตทุเรียนแช่แข็งได้ประมาณ 2,000 ตันต่อปี โดยสหกรณ์จะเดินเครื่องรับซื้อผลผลิตเต็มที่ในช่วงที่ทุเรียนกระจุกตัว ระยะเวลาไม่เกิน 45 วัน เพื่อป้อนเข้าสู่ห้องเย็น คัดผลที่สุกงอมเต็มที่ แกะแยกเนื้อและเปลือกออก ก่อนจะนำเนื้อทุเรียน ที่แกะแล้วส่งเข้าห้องเย็น เพื่อลดอุณหภูมิของผิวเนื้อทุเรียนลงระดับหนึ่งก่อนจะนำเข้าตู้แช่แข็ง ความเย็น -70 องศา จากนั้นจึงนำมาบรรจุใส่ถุงขนาด 5 กิโลกรัม และบรรจุลงกล่อง 20 กิโลกรัม แต่ละวันสหกรณ์ผลิตทุเรียนแช่แข็งได้ประมาณ 65 ตัน ซึ่งอาคารห้องเย็นที่ใช้สำหรับผลิตทุเรียนแช่แข็งนี้ได้สร้างประโยชน์ในการเพิ่มมูลค่าผลผลิตและสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกร เนื่องจากที่ผ่านมา เกษตรกรต้องขนทุเรียนตกไซส์และสุกงอมไปเร่ขายให้กับพ่อค้าคนกลางและโดนกดราคา แต่เมื่อมีโรงงานห้องเย็นตั้งที่สหกรณ์แล้ว เกษตรกรสามารถนำทุเรียนจากสวนทุกลูกทุกขนาดมาขายให้กับสหกรณ์ที่เดียว สหกรณ์จะรับซื้อไว้ทั้งหมดและคัดเกรดก่อนส่งกระจายไปตามช่องทางตลาด ทำให้ประหยัดเวลาและค่าขนส่ง และยังช่วยพยุงราคาผลผลิตไม่ให้ตกต่ำด้วย

“ปกติห้องเย็นในจันทบุรีมีอยู่หลายแห่งแต่เป็นของเอกชน แต่ละปีรวบรวมผลไม้ช่วงที่ออกมากที่สุดประมาณ 4,500 ตัน แต่เมื่อสหกรณ์ได้รับงบประมาณจัดสร้างห้องเย็น แบ่งตลาดมาส่วนหนึ่ง เกษตรกรจึงมีทางเลือกนำผลผลิตมาขายให้กับสหกรณ์ และส่งผลให้ราคาทุเรียนปรับตัวสูงขึ้น จากเดิมหลายปีที่ผ่านมาทุเรียนตกไซส์ราคา 30 – 40 บาทต่อกิโลกรัม ปีที่แล้วขยับเป็น 45 – 60 บาทต่อกิโลกรัมและปีนี้เฉลี่ยอยู่ที่ 60-70 บาทต่อกิโลกรัม แสดงให้เห็นว่าการที่สหกรณ์เข้าไปเป็นตัวกลางรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรนั้น ส่งผลต่อการรักษาเสถียรภาพราคาผลไม้ และยังช่วยรัฐบาลประหยัดงบประมาณที่จะต้องนำไปใช้แทรกแซงราคาผลไม้ให้กับเกษตรกรปีละไม่ต่ำกว่า 100 ล้านบาท ซึ่งหลังจากที่สหกรณ์เข้ามาบริหารจัดการผลผลิตในพื้นที่ โดยการพัฒนาตลอดห่วงโซ่การผลิต เริ่มตั้งแต่การส่งเสริมการรวมกลุ่มสมาชิกให้มีการ วางแผนการผลิต มีการบริหารจัดการพื้นที่เกษตรแปลงใหญ่ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดต้นทุนแล้ว ยังทำให้ผลผลิตที่ได้มีคุณภาพ เป็นที่ต้องการของตลาด นอกจากนี้ สหกรณ์ยังได้เชื่อมโยงกับภาคเอกชนกระจายผลไม้จากแหล่งผลิตไปสู่ตลาด ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ส่งผลทำให้เกษตรกรได้รับประโยชน์ สามารถขายผลผลิตได้ราคาและมีความมั่นคงในการประกอบอาชีพ” นายพิเชษฐ์กล่าว