'ชวน'อัด'พีระพันธุ์'กลางวงส.ส. ปมกล่าวหา'ผู้มากบารมี'
การเมือง

ทั้งนี้ นายชวน กล่าวในที่ประชุม ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ โพสต์เฟซบุ๊ก ถึงผู้มากบารมีในเชิงลบ ว่า แม้ไม่ได้เอ่ยชื่อตน แต่สังคมก็ทราบว่าหมายถึงใคร ดังนั้น ตนจึงมีความจำเป็นต้องชี้แจงข้อเท็จจริง ทำให้นายพีระพันธุ์ ยกมือและชี้แจงว่าตนไม่ได้เอ่ยชื่อและไม่ได้หมายถึงนายชวน ซึ่งนายชวนได้สวนกลับว่าแม้ไม่ได้เอ่ยชื่อ แต่คนภายนอกที่อ่านก็รู้ว่าหมายถึงใคร ทำให้นายพีระพันธุ์นั่งฟังเพียงอย่างเดียวโดยไม่ตอบโต้อีก

กระทั่งต่อมา เวลา 17.45 น. นายราเมศ รัตนะเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ แถลงผลการประชุมส.ส. ว่า ที่ประชุมมีมติแต่งตั้งให้นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เป็นประธานส.ส. และนายประกอบ รัตนพันธ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช เป็นรองประธานส.ส. อีกทั้งได้แต่งตั้งประธานคณะกรรมการประสานงานหรือวิปส.ส.คือนายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช และนายนริศ ขำนุรักษ์ ส.ส.พัทลุง เป็นรองประธานวิป ซึ่งการแต่งตั้งตำแหน่งดังกล่าวเพื่อให้การดำเนินการของพรรคในสภา ฯบรรลุวัตถุประสงค์และตอบสนองความต้องการของประชาชน
จากนั้นนายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคได้กล่าวถึงการปฏิบัติหน้าที่ของส.ส.ในสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากในการเลือกตั้งที่ผ่านมาพรรคมีส.ส.หน้าใหม่หลายคน ที่เพิ่งได้รับการเลือกตั้งเข้ามาครั้งแรก โดยนายชวนได้ย้ำถึงการทำหน้าที่ด้วยความตระหนักถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน และขอให้ส.ส.ทุกคนได้เรียนรู้วิธีการทำงานในระบบรัฐสภา ขณะที่ส.ส.ของพรรคได้เตรียมปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมสภาในลักษณะของการตั้งกระทู้ถาม หรือญัตติต่าง ๆ

โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมส.ส.มีมติเรื่องการตัดสินใจว่าจะร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล โดยมอบหมายให้คณะกรรมการบริหารพรรคไปพิจารณาประสานงานทิศทางกับพรรคการเมืองอื่นๆ ทั้งเรื่องงานในรัฐสภา และการทำงานในฝ่ายบริหาร รวมถึงให้นำข้อมูลต่างๆกับมารายงานในที่ประชุมส.ส.อีกครั้ง โดยพรรคมีเป้าหมายสำคัญคือประเทศเดินหน้าต่อไปได้ และสถาบันหลักของชาติมีความมั่นคงตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข รวมถึงให้ได้มีรัฐบาลที่มีเสถียรภาพตรงกับความต้องการของประชาชน คือเป้าหมายสูงสุดที่พรรคยึดถือประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ พรรคได้นัดประชุมส.ส.อีกครั้งในวันที่ 23 พ.ค.นี้ เวลา 13.00 น. ขณะเดียวกันจะมีการประชุมเฉพาะคณะกรรมการบริหารพรรคที่พรรคประชาธิปัตย์ด้วย และหากหลังจากที่ประชุมส.ส.ได้รับฟังข้อมูลที่คณะกรรมการบริหารพรรคไปประสานงานพูดคุยกับพรรคต่างๆ แล้วเห็นว่าควรจะเรียกประชุมร่วมกันระหว่างส.ส.และคณะกรรมการบริหารพรรค ก็มีโอกาสเรียกประชุมในวันที่ 23 พ.ค.นี้ และอาจได้ความชัดเจนออกมาในวันดังกล่าวว่าพรรคจะตัดสินร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาล
“ขอยืนยันว่าในช่วงที่ผ่านมายังไม่มีพรรคการเมืองไหนติดต่อมายังพรรคประชาธิปัตย์ และขณะนี้คณะกรรมการบริหารพรรคยังไม่ได้มอบหมายใครไปพูดคุยกับพรรคต่าง ๆ ซึ่งแม้กระทั้งข่าวที่ว่านายเฉลิมชัย ศรีอ่อน เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไปพูดคุยกับพรรคภูมิใจไทยถึงการร่วมรัฐบาล แต่ขอให้ไปถามนายเฉลิมชัยเอง ส่วนการลงมติเลือกนายกฯนั้นหากพรรคมีมติไปในทิศทางใด ส.ส.ของพรรคทั้งหมดก็จะต้องปฏิบัติไปในทิศทางเดียวกันตามมติพรรค”นายราเมศ กล่าวและว่า การตัดสินใจของพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้ยึดตัวบุคคลใดบุคคลหนึ่ง แต่ยึดประโยชน์ของประเทศชาติ และประชาชนเป็นหลัก ในการกำหนดทิศทางทางการเมืองมาตลอด
