ข่าวอย.พบผู้ป่วยแอบใช้น้ำมันกัญชา ถูกหามส่งห้องฉุกเฉินเพียบ! - kachon.com

อย.พบผู้ป่วยแอบใช้น้ำมันกัญชา ถูกหามส่งห้องฉุกเฉินเพียบ!
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. นพ.สุรโชค ต่างวิวัฒน์ รองเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) เปิดเผยว่า ภายหลังปิดรับแจ้งครอบครองกัญชาแล้วล่าสุดตัวเลขก็ยังอยู่ที่ประมาณ 2 หมื่นคน อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ป่วยจะสามารถถือครองและใช้น้ำมันกัญชาไปได้อีกประมาณ 2-เดือน หลังจากนี้หากยังจำเป็นต้องใช้ต้องมีการพิจารณาและสั่งจ่ายโดยแพทย์ ตอนนี้ ได้รับรายงานจากหลายรพ. พบ ผู้ป่วยที่มีอาการ ปวดศีรษะ วูบ สลบไป มารับการรักษาในห้องฉุกเฉินมากขึ้น ซึ่งเมื่อสอบถามพบว่าเกิดการจากทดลองใช้กัญชา และคาดว่า หากเป็นเช่นนี้ต่อไป จะพบผู้ป่วยในลักษณะอาการเช่นนี้มากขึ้น  จึงเตรียมประสานให้มีการเก็บข้อมูลผู้ป่วยในห้องฉุกเฉิน ขณะเดียวกันประสานกรมการแพทย์ให้มีการอบรมแพทย์, เภสัชกร ให้รู้ผลข้างเคียงหรือฤทธิ์จากการใช้กัญชาด้วย ทั้งนี้ อยากให้เข้าใจว่า กัญชาไม่ใช่ยาวิเศษรักษาได้ทุกโรค โดยเฉพาะโรคเรื้อรัง เบาหวาน ความดันโลหิต หรือหัวใจ รวม ถึงอาการทางจิตเวช กัญชาไม่ได้มีฤทธิ์ช่วย ขณะเดียวกันอาจได้รับผลข้างเคียง เช่น คนที่ป่วยโรคความดันโลหิตสูง น้ำมันกัญชาจะทำให้ความดันตก เลือดไปเลี้ยงอวัยวะไม่เพียงพอ เป็นต้น

ด้าน นพ.เพชร อลิสานันท์ แพทย์รังสีรักษาและมะเร็งวิทยา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ กล่าวว่า ปัจจุบัน ยังไม่มียาจากน้ำมันกัญชาที่มีผลต่อการรักษาโรคมะเร็งโดยตรง แต่พบผู้ป่วยมะเร็งหาน้ำมันกัญชามาใช้เองทำให้ได้รับผลข้างเคียง เช่น เมา คลื่นไส้ นอนเยอะ คำว่าให้ได้หรือไม่ได้นั้นต้องให้แพทย์เป็นผู้พิจารณา และจริงๆ เราจะต้องแบ่งผู้ป่วยออกเป็น 2 กลุ่ม  กลุ่มแรกคนไข้ที่ไม่มีแนวทางการรักษาโรคมะเร็งจำเพาะแล้ว อยู่ในระยะประคับประคอง กลุ่มนี้สามารถใช้ได้ ไม่น่าเป็นห่วง เพราะอาจจะมีประโยชน์ และจริงๆ อาจจะช่วยให้คนไข้ พักผ่อนได้ นอนหลับ บรรเทาปวด แต่ก็ต้องดูที่ปริมาณที่ใช้ด้วย เพราะถ้าใช้มากเกินไปก็มีผลกระทบ ส่วนกลุ่มที่ 2 กลุ่มที่ยังมีแนวทางการรักษาโรคมะเร็งที่ใช้ได้ แต่กลับทิ้งการรักษาเพื่อไปใช้น้ำมันกัญชาอย่างเดียวถือว่าน่าเป็นห่วงมาก ซึ่งพบว่ามีจำนวนหนึ่ง เนื่องจากว่าผู้ป่วยเข้าใจผิเดว่ากัญชาใช้รักษามะเร็งได้ ยิ่งคนที่สนับสนุนกัญชาบอกว่าให้ใช้ควบคู่กันไปก็เลยยิ่งทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าตกลงแล้วการรักษาได้ผลเพราะอะไร

นพ.เพชร กล่าวว่า ยืนยันว่าเราไม่ได้ขวางเรื่องการใช้กัญชาทางการแพทย์ เพราะตนก็ยังมองว่ากัญชายังเป็นพืชที่มีโอกาสเอามาใช้ทางการแพทย์ได้ แต่ตอนนี้ยังดำเนินบนขั้นตอนที่ไม่ถูกต้องบ้าง จึงอยากให้มีการทบทวนให้ดี อย่ามองว่ากัญชาคือยาวิเศษ แต่ต้องมองว่ามันคือยาตัวหนึ่ง ฉะนั้นถ้ามองแบบนี้ก็ต้องผลักดันให้ผ่านตามขั้นตอนปกติที่เป็นไปตามกระบวนการวิทยาศาสตร์ และเป็นไปตามกฎหมาย บางคนบอกว่ารอไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าไม่จริง เพราะถ้าเร็วไปแล้วไม่ได้ผล หรือมีผลกระทบใครรับผิดชอบ ดังนั้นอยากให้สังคมคิดให้ช้าลงนิดหนึ่ง เราไม่ได้ปฏิเสธ แต่มันมีขั้นตอนของมันอยู่ สิ่งที่ตนกังวลทุกครั้งที่มีแพทย์ออกมาให้ข้อมูลอีกด้านหนึ่งมักถูกโจมตีรับเงินจากบริษัทยามาหรือไม่ ซึ่งยืนยันว่าไม่จริง แต่ที่แพทย์หลายคนออกมาพูดเพราะเป็นห่วงคนไข้.