ข่าว'พีระพันธุ์'โต้'ชวน"ยันพูดตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชาย - kachon.com

'พีระพันธุ์'โต้'ชวน"ยันพูดตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชาย
การเมือง

photodune-2043745-college-student-s
เมื่อวันที่ 22 พ.ค.นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค  ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์  โพสต์ข้อความลงเฟซบุ๊กส่วนตัวตอบโต้คำให้สัมภาษณ์ของนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรค ถึงสิ่งที่พูดคุยกันในที่ประชุมส.ส.พรรค เมื่อวันที่ 21 พ.ค. ที่ผ่านมา  ว่า  นายชวนเป็นคนห้ามสมาชิกพรรคนำไปพูดนอกพรรค และตนก็พร้อมที่จะจบในที่ประชุม แต่เมื่อมีสื่อมวลชนไปรายงานข่าวว่าตนนั่งเฉย ไม่ตอบโต้อะไรนั้น ทั้งที่ตนลุกขึ้นชี้แจงกับนายชวนทุกประเด็นอย่างชัดเจน และเชื่อว่าสมาชิกทุกคนก็เข้าใจ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายคนที่ถูกนายชวนกล่าวพาดพิง เขาก็ลุกขึ้นชี้แจงด้วย อาทิ นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ส.ส.ตรัง และนายถาวร เสนเนียม ส.ส.สงขลา จนประธานในที่ประชุมพยายามทำบรรยากาศให้คลี่คลายไปในทางที่ดีและหารือเรื่องอื่นจนปิดประชุม
               
นายพีระพันธุ์ ระบุอีกว่า ในที่ประชุมมีการพูดตรงไปตรงมาแบบลูกผู้ชาย ไม่มีใครตำหนิหรือกรีดใคร และยังมีการบันทึกเสียงการประชุมไว้เพื่อเป็นประวัติและข้อมูลส่วนตัว และพร้อมที่จะนำมาเปิดเผยหากจำเป็น แต่เมื่อมีการติดต่อเจ้าหน้าที่พรรคเพื่อขอเทปบันทึกเสียงดังกล่าว กลับปฏิเสธโดยบอกว่ามอบให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรค ไปแล้ว  ซึ่งตนอยู่พรรคประชาธิปัตย์มา 27 ปี ถือเป็นครั้งแรกที่ต้องขออนุญาตหัวหน้าพรรค โดยเฉพาะเรื่องที่เป็นสิทธิส่วนตัว “ผมยึดมั่นในคำขวัญประจำพรรคประชาธิปัตย์ ที่ว่า ‘สัจจ เว อมตะ วาจา’ หรือวาจาจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”

นพ.วรงค์ เดชกิจกรม อดีตส.ส.พิษณุโลก พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กถึงถึงกรณีที่นายชวน ระบุว่ามีการแทรกแแซงจากภายนอกพรรคมาตั้งแต่สมัยเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่แล้ว  ว่า  การเลือกตั้งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์สมัยตนนั้นจบไปแล้ว และตนได้ขอโทษท่านในที่ประชุมใหญ่พรรคไปแล้วว่าตนต้องขอโทษท่านด้วยที่ต้องสู้กับท่าน เพราะตนต้องการเห็นพรรคดีขึ้น แต่หลังจากทราบข่าวว่าท่านพูดพาดพิงการเลือกหัวหน้าพรรคที่ผ่านมา ว่ามีการแทรกแแซงจากภายนอกมาตั้งแต่สมัยเลือกหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว ตนรู้สึกเสียใจมากที่ท่านคิดว่าคนอย่างตนจะถูกแทรกแซงได้อย่างที่ท่านเข้าใจ ท่านคิดหรือว่าคนที่ต่อสู้กับรัฐบาลหุ่นเชิดทุนสามานย์ ต่อเนื่องมาอย่างยาวนานถึง 6 ปี จนในที่สุดศาลตัดสินให้จำคุก อดีตนายกรัฐมนตรีต้องหนีออกนอกประเทศจะถูกแทรกแซงได้ ตนยืนยันว่าการที่ตนและเพื่อนๆสู้ในการหยั่งเสียงหัวหน้าพรรคครั้งที่แล้ว มีเป้าหมายที่ต้องการให้พรรคมีประสิทธิภาพ สามารถสู้กับคู่แข่งขันได้ ถ้าอดีตหัวหน้าพรรคบริหารพรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกตนไม่มีความจำเป็นใดๆต้องไปสู้

นพ.วรงค์ กล่าวอีกว่า  การสู้ของพวกตนได้รับการยืนยันการการเลือกตั้งครั้งล่าสุดที่พรรคของเราแพ้ยับเยิน เราแพ้ชนิดที่เรียกว่ากรุงเทพฯสูญพันธุ์ รวมทั้งภาคใต้และที่จ.ตรัง ซึ่งผลการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการยืนยันว่าพวกตนมองอนาคตได้ถูก แต่ผิดเพียงว่าพวกตนมาก่อนเวลาเท่านั้นเอง และตนมั่นใจว่าถ้าพวกตนได้บริหารพรรค รับรองผลการเลือกตั้ง ต้องดีกว่านี้แน่นอน พวกตนได้รับการปลูกฝังมาตลอดว่าพรรคประชาธิปัตย์คือบ้านของพวกเรา ไม่มีใครเป็นเจ้าของ จนวันนี้ตนไม่แน่ใจแล้วว่าพวกตนคือเจ้าของหรือเป็นเพียงผู้ขออยู่อาศัย เพราะเมื่อพวกตนความเห็นไม่ตรงกับผู้มีอำนาจ อยากทำพรรคให้ดีขึ้น ก็จะมีคนออกมาให้ร้ายว่าจะมายึดพรรค บางครั้งก็ส่งคนมาไล่ หรือว่าที่ผ่านมาพวกผมเข้าใจผิดไปเอง

“พวกผมขอยืนยันว่าที่อาสาเข้ามาทำงานการเมือง เพราะต้องการเข้ามาดูแลประโยชน์ชาติอย่างแท้จริง จุดยืนของพวกผม จึงยึดประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนต้องเหนือสิ่งอื่นใด ต้องเหนือประโยชน์พรรค และเชื่อว่าสิ่งนี้มีในพรรคประชาธิปัตย์ และขอยืนยันว่าไม่มีใครที่จะมาครอบงำหรือแซกแทรงพวกผม ถ้าพวกผมเชื่อว่านี่คือประโยชน์ประเทศ ไม่มีใครสั่งพวกผมได้ อย่าว่าแต่คนนอกเลยครับ แม้แต่คนในก็สั่งไม่ได้”นพ.วรงค์ ระบุ.